ผลต่างระหว่างรุ่นของ "418531 ภาคต้น 2552/โจทยปัญหาการค้นหาด้วยพละกำลังเยี่ยงควายถึก/เฉลยข้อ 7"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'อินพุต: ลำดับของจำนวนเต็ม <math>n \,</math> จำนวน และช่วง<math>[p,q]…')
 
แถว 4: แถว 4:
  
 
แนวคิด ข้อนี้วัตถุที่เราสนใจคือ ช่วง เรามีวิธีในการหาช่วงแล้วในห้องเรียน เราจะใช้วิธีนั้นกัน ค่าของวัตถุที่เราสนใจก็คือ การนำค่ามากที่สุดในช่วง มาลบกับค่าที่น้อยที่สุดในช่วง ซึ่งวิธีในการหาค่ามากที่สุด กับน้อยที่สุดเราก็เรียนไปแล้วในห้องเรียน และเงื่อนไขในข้อนี้คือ พิสัยอยู่ในช่วง <math>[p,q]\,</math> ดังนั้นเมื่อได้พิสัยของแต่ละช่วงมาแล้ว เราก็ต้องนำมาตรวจสอบว่าอยู่ในช่วงดังกล่าวหรือไม่ ถ้าอยู่ที่เพิ่มตัวนับจำนวนขึ้นไปเรื่อย ๆ
 
แนวคิด ข้อนี้วัตถุที่เราสนใจคือ ช่วง เรามีวิธีในการหาช่วงแล้วในห้องเรียน เราจะใช้วิธีนั้นกัน ค่าของวัตถุที่เราสนใจก็คือ การนำค่ามากที่สุดในช่วง มาลบกับค่าที่น้อยที่สุดในช่วง ซึ่งวิธีในการหาค่ามากที่สุด กับน้อยที่สุดเราก็เรียนไปแล้วในห้องเรียน และเงื่อนไขในข้อนี้คือ พิสัยอยู่ในช่วง <math>[p,q]\,</math> ดังนั้นเมื่อได้พิสัยของแต่ละช่วงมาแล้ว เราก็ต้องนำมาตรวจสอบว่าอยู่ในช่วงดังกล่าวหรือไม่ ถ้าอยู่ที่เพิ่มตัวนับจำนวนขึ้นไปเรื่อย ๆ
 +
 +
จากแนวคิดข้างต้น นำมาเขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้
 +
 +
FINDMAX(A,i,j)
 +
:max<-- -1000000
 +
:for k=i to i<=j
 +
::if A[k] > max
 +
::: max= A[k]
 +
::: max_k=k
 +
: return max_k
 +
 +
FINDMIN(A,i,j)
 +
:min<-- 1000000
 +
:for k=i to k<=j
 +
::if A[k] < min
 +
::: min= A[k]
 +
::: min_k=k
 +
: return min_k
 +
 +
COUNTINTERVAL(A,n)
 +
:count <-- 0
 +
:for i=0 to i<n
 +
:: for j=i to j<n
 +
::: max=FINDMAX(A,i,j)
 +
::: min=FINDMIN(A,i,j)
 +
::: r=max-min
 +
::: for k=p to k<=q
 +
:::: if r=k
 +
:::::  count <-- count + 1
 +
::: return count
  
 
เวลาการทำงานของอัลกอริทึม การหยิบลำดับย่อยแต่ละลำดับมาดู เราใช้ for loop สองชั้น และการคำนวณค่าพิสัยของแต่ละลำดับย่อยใช้เวลาอีก <math>O(n) \,</math> ดังนั้นเวลารวมของสองขั้นตอนนี้คือ<math>O(n^3) \,</math> ส่วนการตรวจสอบว่าค่าพิสัยของลำดับย่อยอยู่ในช่วง <math>[p,q] \,</math> หรือไม่ใช้เวลาอีก <math>q-p+1 \, </math> ดังนั้นเวลาการทำงานทั้งหมดจึงเป็น <math>O(n^3) \,</math>
 
เวลาการทำงานของอัลกอริทึม การหยิบลำดับย่อยแต่ละลำดับมาดู เราใช้ for loop สองชั้น และการคำนวณค่าพิสัยของแต่ละลำดับย่อยใช้เวลาอีก <math>O(n) \,</math> ดังนั้นเวลารวมของสองขั้นตอนนี้คือ<math>O(n^3) \,</math> ส่วนการตรวจสอบว่าค่าพิสัยของลำดับย่อยอยู่ในช่วง <math>[p,q] \,</math> หรือไม่ใช้เวลาอีก <math>q-p+1 \, </math> ดังนั้นเวลาการทำงานทั้งหมดจึงเป็น <math>O(n^3) \,</math>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:42, 19 สิงหาคม 2552

อินพุต: ลำดับของจำนวนเต็ม จำนวน และช่วง

เอาพุต: จำนวนของลำดับย่อยที่มีพิสัยในช่วง

แนวคิด ข้อนี้วัตถุที่เราสนใจคือ ช่วง เรามีวิธีในการหาช่วงแล้วในห้องเรียน เราจะใช้วิธีนั้นกัน ค่าของวัตถุที่เราสนใจก็คือ การนำค่ามากที่สุดในช่วง มาลบกับค่าที่น้อยที่สุดในช่วง ซึ่งวิธีในการหาค่ามากที่สุด กับน้อยที่สุดเราก็เรียนไปแล้วในห้องเรียน และเงื่อนไขในข้อนี้คือ พิสัยอยู่ในช่วง ดังนั้นเมื่อได้พิสัยของแต่ละช่วงมาแล้ว เราก็ต้องนำมาตรวจสอบว่าอยู่ในช่วงดังกล่าวหรือไม่ ถ้าอยู่ที่เพิ่มตัวนับจำนวนขึ้นไปเรื่อย ๆ

จากแนวคิดข้างต้น นำมาเขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้

FINDMAX(A,i,j)

max<-- -1000000
for k=i to i<=j
if A[k] > max
max= A[k]
max_k=k
return max_k

FINDMIN(A,i,j)

min<-- 1000000
for k=i to k<=j
if A[k] < min
min= A[k]
min_k=k
return min_k

COUNTINTERVAL(A,n)

count <-- 0
for i=0 to i<n
for j=i to j<n
max=FINDMAX(A,i,j)
min=FINDMIN(A,i,j)
r=max-min
for k=p to k<=q
if r=k
count <-- count + 1
return count

เวลาการทำงานของอัลกอริทึม การหยิบลำดับย่อยแต่ละลำดับมาดู เราใช้ for loop สองชั้น และการคำนวณค่าพิสัยของแต่ละลำดับย่อยใช้เวลาอีก ดังนั้นเวลารวมของสองขั้นตอนนี้คือ ส่วนการตรวจสอบว่าค่าพิสัยของลำดับย่อยอยู่ในช่วง หรือไม่ใช้เวลาอีก ดังนั้นเวลาการทำงานทั้งหมดจึงเป็น