ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แผงวงจรพ่วง (Peripheral Board)"
Chaiporn (คุย | มีส่วนร่วม) |
Chaiporn (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
แถว 35: | แถว 35: | ||
* LED 3 ดวงบนบอร์ดพ่วงทำหน้าที่เป็นตัววัดแสง โดยจะติดทีละดวงเท่านั้น สีแดงจะติดเมื่อแสงมืด และสีเขียวจะติดเมื่อไฟสว่าง ส่วนสีเหลืองจะติดเมื่อแสงปานกลาง | * LED 3 ดวงบนบอร์ดพ่วงทำหน้าที่เป็นตัววัดแสง โดยจะติดทีละดวงเท่านั้น สีแดงจะติดเมื่อแสงมืด และสีเขียวจะติดเมื่อไฟสว่าง ส่วนสีเหลืองจะติดเมื่อแสงปานกลาง | ||
* เมื่อกดและปล่อยสวิตช์บนบอร์ดพ่วง (ไม่ใช่สวิตช์รีเซ็ตบนบอร์ดหลัก) LED สีเขียวบนบอร์ดหลักจะติดและดับสลับกันไป | * เมื่อกดและปล่อยสวิตช์บนบอร์ดพ่วง (ไม่ใช่สวิตช์รีเซ็ตบนบอร์ดหลัก) LED สีเขียวบนบอร์ดหลักจะติดและดับสลับกันไป | ||
+ | |||
+ | == บทความที่เกี่ยวข้อง == | ||
+ | * [[การบัดกรีแผงวงจรไมโครคอนโทรลเลอร์ ]] | ||
+ | * [[การพัฒนาเฟิร์มแวร์สำหรับไมโครคอนโทรลเลอร์]] | ||
+ | * [[การวัดสัญญาณแอนะล็อกด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:27, 23 สิงหาคม 2552
เราประกอบแผงวงจรนี้เพื่อใช้เป็นวงจรทดสอบและเรียนรู้การใช้งานไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยต่อผ่านสายแพเข้ากับ JP2 (พอร์ท C) ของแผงวงจรหลัก วงจรพ่วงประกอบไปด้วยวงจรย่อยสามวงจร ได้แก่ (1) วงจรแสดงผล LED สามสี (2) วงจรสวิตช์อินพุท และ (3) วงจรวัดแสง
เนื้อหา
วงจรแสดงผล LED สามสี
เป็นการเชื่อมแต่ละสัญญาณของ PC0..PC2 เข้ากับขาแอโนด (A) ของ LED และต่อด้านแคโทด (K) ผ่านตัวต้านทานลงสู่กราวนด์ ดังนั้นการใช้งานจึงต้องตั้งค่าในรีจีสเตอร์ DDRC ให้ขาทั้งสามทำหน้าที่เป็นเอาท์พุท และส่งลอจิก 1 มายังแต่ละขาผ่านทางรีจีสเตอร์ PORTC เพื่อให้หลอด LED ติด
ตัวอย่างโปรแกรมด้านล่างเป็นการตั้งค่าให้ PC0..PC2 เป็นเอาท์พุท และสั่งให้ขา PC0 และ PC1 มีลอจิกเป็น 1 และ PC2 มีลอจิก 0 โดยที่ไม่กระทบกับค่าในบิตอื่น ๆ ของรีจีสเตอร์ สังเกตว่าเราอาศัยคำสั่งประเภท read-modify-write ซึ่งได้แก่ |= และ &=
DDRC |= 0b00000111; // ให้ PC0-PC2 เป็นเอาท์พุท บิตอื่นไม่เปลี่ยน PORTC |= 0b00000011; // ให้ PC0,PC1 มีลอจิก 1 บิตอื่นไม่เปลี่ยน PORTC &= ~(0b00000100); // ให้ PC2 มีลอจิก 0 บิตอื่นไม่เปลี่ยน
หมายเหตุ: คำสั่ง a |= b
มีการทำงานเทียบเท่ากับ a = a|b
วงจรสวิตช์อินพุท
วงจรนี้ทำหน้าที่เป็นลอจิกอินพุทโดยต่อสวิตช์แบบกดติด-ปล่อยดับเข้ากับขา PC3 และต่ออีกด้านหนึ่งลงกราวนด์โดยตรง นั่นคือหากสวิตช์โดนกดจะทำให้ขา PC3 มีศักย์เป็นกราวนด์
การใช้งานเพื่อให้อ่านค่าลอจิกเข้ามาอย่างถูกต้องต้องดำเนินการดังนี้
- ตั้งค่าบิตที่ 3 ของรีจีสเตอร์ DDRC ให้เป็น 0 เพื่อกำหนดให้ PC3 เป็นอินพุท
- ตั้งค่าบิตที่ 3 ของรีจีสเตอร์ PORTC ให้เป็น 1 เพื่อเปิดใช้งาน pull-up resistor ในวงจร I/O ของไมโครคอนโทรลเลอร์ ซึ่งเสมือนว่าเป็นการต่อขา PC3 ผ่านตัวต้านทานหนึ่งตัวเข้ากับ VCC อันจะทำให้ศักย์ของขา PC3 มีค่าเป็น 5V (ลอจิก 1) หากขาถูกปล่อยลอย
- อ่านสถานะลอจิกของขา PC3 ผ่านทางบิตที่ 3 ของรีจีสเตอร์ PINC
ตัวอย่างโปรแกรม
DDRC &= ~(0b00001000); // ให้ PC3 เป็นอินพุท บิตอื่นไม่เปลี่ยนแปลง PORTC |= 0b00001000; // เปิดใช้ pull-up resister ที่ขา PC3 if (PINC & ~(0b00001000)) // สวิตช์ถูกกด else // สวิตช์ไม่ถูกกด
วงจรวัดแสง
อยู่ระหว่างการแก้ไข ดูบทความการวัดสัญญาณแอนะล็อกด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์เพิ่มเติม
โปรแกรมทดสอบแผงวงจรพ่วง
เพื่อตรวจสอบว่าแผงวงจรพ่วงที่ทำขึ้นมาใช้งานได้ถูกต้อง โหลดโปรแกรม testperi.hex (ซอร์สโค้ด) และใช้คำสั่ง avrdude เพื่อเขียนแฟลชบนบอร์ด หากวงจรไม่มีความผิดพลาด โปรแกรมควรมีพฤติกรรมดังนี้
- LED 3 ดวงบนบอร์ดพ่วงทำหน้าที่เป็นตัววัดแสง โดยจะติดทีละดวงเท่านั้น สีแดงจะติดเมื่อแสงมืด และสีเขียวจะติดเมื่อไฟสว่าง ส่วนสีเหลืองจะติดเมื่อแสงปานกลาง
- เมื่อกดและปล่อยสวิตช์บนบอร์ดพ่วง (ไม่ใช่สวิตช์รีเซ็ตบนบอร์ดหลัก) LED สีเขียวบนบอร์ดหลักจะติดและดับสลับกันไป