ผลต่างระหว่างรุ่นของ "418531 ภาคต้น 2552/โจทยปัญหาการค้นหาด้วยพละกำลังเยี่ยงควายถึก/เฉลยข้อ 3"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
 
(ไม่แสดง 4 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
แถว 1: แถว 1:
 +
== ข้อย่อย 1 ==
 
อินพุต: เซตของจำนวนเต็ม <math>A \,</math> ที่มีสมาชิกอยู่ <math>n \,</math> ตัว
 
อินพุต: เซตของจำนวนเต็ม <math>A \,</math> ที่มีสมาชิกอยู่ <math>n \,</math> ตัว
  
แถว 5: แถว 6:
 
แนวคิด วัตถุที่เราต้องพิจารณาคือ จำนวนเต็ม 3 ตัวจาก จำนวนเต็มทั้งหมด <math>n \,</math> ตัว ซึ่งในห้องเรียน เราได้เรียนวิธีในการหยิบของ <math>k \,</math> สิ่ง จากของทั้งหมด <math>n \,</math> สิ่งมาแล้ว ในเรื่องของ combination นั่นเอง เราจะใช้วิธีนั้นกัน ส่วนเงื่อนไขในข้อนี้คือ จำนวนเต็ม <math>a,b,c \,</math>สามตัวที่เลือกมานั้น ต้องมีคุณสมบัติว่า <math>a < b< c \,</math> ซึ่งถ้าเลือกตามวิธีในห้องเรียน ก็จะมีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นเงื่อนไขที่ต้องตรวจสอบจริง  ๆ คือ <math>a+b > c \,</math> หรือไม่
 
แนวคิด วัตถุที่เราต้องพิจารณาคือ จำนวนเต็ม 3 ตัวจาก จำนวนเต็มทั้งหมด <math>n \,</math> ตัว ซึ่งในห้องเรียน เราได้เรียนวิธีในการหยิบของ <math>k \,</math> สิ่ง จากของทั้งหมด <math>n \,</math> สิ่งมาแล้ว ในเรื่องของ combination นั่นเอง เราจะใช้วิธีนั้นกัน ส่วนเงื่อนไขในข้อนี้คือ จำนวนเต็ม <math>a,b,c \,</math>สามตัวที่เลือกมานั้น ต้องมีคุณสมบัติว่า <math>a < b< c \,</math> ซึ่งถ้าเลือกตามวิธีในห้องเรียน ก็จะมีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นเงื่อนไขที่ต้องตรวจสอบจริง  ๆ คือ <math>a+b > c \,</math> หรือไม่
  
จากแนวคิดดังกล่าวสามารถนำมาเขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้
+
จากแนวคิดดังกล่าวสามารถนำมาเขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้ (ให้ค่า l=3)
  
GENERATE(m,l)
+
<geshi lang="c">
:if l=0
+
GENERATE(n,l)
::
+
{
:else
+
    if l=0
:: for c[l-1] =3 to m
+
    {
::: GENERATE(c[l-1]-1,l-1)
+
          if c[0] + c[1] > c[2] then // c[0],c[1],c[2] คือ a,b,c ตามลำดับ
 +
                            return 1
 +
          else
 +
              return 0
 +
    }else{
 +
          for c[l-1] = l to n
 +
              GENERATE(c[l-1]-1,l-1)
 +
    }
 +
}
 +
</geshi>
 +
 
 +
เวลาการทำงานของอัลกอริทึมข้างต้น คือเวลาที่ใช้ในการคำนวณหา combination ที่มีสมาชิก 3 ตัว คือ <math>{n \choose 3}= \Theta(n^3) \,</math> นั่นเอง
 +
 
 +
== ข้อย่อย 2 ==
 +
สังเกตว่าถ้าเราเรียงจำนวนที่อยู่ใน A ได้แล้ว พิจารณาจำนวน <math>a \in A \,</math> เราจะทำการตรวจสอบจำนวนที่ติดกับ <math>a \,</math> ไปทางขวาอีกแค่สองตัวเท่านั้น (นั่นคือจำนวน <math>b,c \,</math> จะอยู่ทางขวาของ a ไปอีกสองตำแหน่ง) ตามเงื่อนไข <math>a < b < c \,</math> เพราะจำนวนถัดไปจำนวนที่สาม ตรวจสอบไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นการเรียงจำนวนที่อยู่ใน A ก่อนจะทำให้เราลดจำนวนวัตถุที่เราต้องพิจารณาลงไปได้
 +
 
 +
ซึ่งจากแนวคิดดังกล่าวนำมาเขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้
 +
 
 +
<geshi lang="c">
 +
GENERATE(A)
 +
{
 +
    for i=0 to i < n
 +
    {
 +
        if A[i] + A[i+1] > A[i+2]
 +
              return 1
 +
        else
 +
              return 0
 +
    }
 +
}
 +
</geshi>
 +
 
 +
ซึ่งเราจะได้ว่าเวลาการทำงานของอัลกอริทึมข้างต้นคือเวลาที่ใช้ในการเรียง A ก่อนหน้านี้ กับเวลาที่สมาชิกในแต่ละตัวตรวจสอบกับสมาชิกตัวถัดไปอีกสองตัว ดังนั้นเวลาการทำงานทั้งหมดจึงเป็น <math>O(f(n)+ n)\,</math>

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:25, 4 กันยายน 2552

ข้อย่อย 1

อินพุต: เซตของจำนวนเต็ม ที่มีสมาชิกอยู่ ตัว

เอาพุต: มีจำนวนเต็ม โดยที่ และ หรือไม่

แนวคิด วัตถุที่เราต้องพิจารณาคือ จำนวนเต็ม 3 ตัวจาก จำนวนเต็มทั้งหมด ตัว ซึ่งในห้องเรียน เราได้เรียนวิธีในการหยิบของ สิ่ง จากของทั้งหมด สิ่งมาแล้ว ในเรื่องของ combination นั่นเอง เราจะใช้วิธีนั้นกัน ส่วนเงื่อนไขในข้อนี้คือ จำนวนเต็ม สามตัวที่เลือกมานั้น ต้องมีคุณสมบัติว่า ซึ่งถ้าเลือกตามวิธีในห้องเรียน ก็จะมีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นเงื่อนไขที่ต้องตรวจสอบจริง ๆ คือ หรือไม่

จากแนวคิดดังกล่าวสามารถนำมาเขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้ (ให้ค่า l=3)

<geshi lang="c"> GENERATE(n,l) {

   if l=0
   {
         if c[0] + c[1] > c[2] then // c[0],c[1],c[2] คือ a,b,c ตามลำดับ
                            return 1
         else
             return 0
   }else{
         for c[l-1] = l to n
             GENERATE(c[l-1]-1,l-1)
   }

} </geshi>

เวลาการทำงานของอัลกอริทึมข้างต้น คือเวลาที่ใช้ในการคำนวณหา combination ที่มีสมาชิก 3 ตัว คือ นั่นเอง

ข้อย่อย 2

สังเกตว่าถ้าเราเรียงจำนวนที่อยู่ใน A ได้แล้ว พิจารณาจำนวน เราจะทำการตรวจสอบจำนวนที่ติดกับ ไปทางขวาอีกแค่สองตัวเท่านั้น (นั่นคือจำนวน จะอยู่ทางขวาของ a ไปอีกสองตำแหน่ง) ตามเงื่อนไข เพราะจำนวนถัดไปจำนวนที่สาม ตรวจสอบไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นการเรียงจำนวนที่อยู่ใน A ก่อนจะทำให้เราลดจำนวนวัตถุที่เราต้องพิจารณาลงไปได้

ซึ่งจากแนวคิดดังกล่าวนำมาเขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้

<geshi lang="c"> GENERATE(A) {

    for i=0 to i < n
    {
        if A[i] + A[i+1] > A[i+2]
             return 1
        else
             return 0
    }

} </geshi>

ซึ่งเราจะได้ว่าเวลาการทำงานของอัลกอริทึมข้างต้นคือเวลาที่ใช้ในการเรียง A ก่อนหน้านี้ กับเวลาที่สมาชิกในแต่ละตัวตรวจสอบกับสมาชิกตัวถัดไปอีกสองตัว ดังนั้นเวลาการทำงานทั้งหมดจึงเป็น