ผลต่างระหว่างรุ่นของ "204512/บรรยาย 14"
Orion else (คุย | มีส่วนร่วม) |
Orion else (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 16 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน) | |||
แถว 2: | แถว 2: | ||
'''จดบันทึกคำบรรยายโดย:''' | '''จดบันทึกคำบรรยายโดย:''' | ||
:นายดิเรก ยิ้มละมัย รหัส : 50653799 | :นายดิเรก ยิ้มละมัย รหัส : 50653799 | ||
− | วางโครงเฉยๆ อ่ะครับ จะรีบทำให้เสร็จเร็วๆนะครับ | + | :: Lecture Date :: 26 September 2007 (06.00PM) |
+ | :: Create Date :: 27 September 2007 (05.18PM) | ||
+ | :: Last Update :: 02 October 2007 (12.01PM) | ||
+ | :วางโครงเฉยๆ อ่ะครับ จะรีบทำให้เสร็จเร็วๆนะครับ | ||
+ | |||
<br /> | <br /> | ||
---- | ---- | ||
แถว 41: | แถว 45: | ||
− | <center> [[ภาพ:005-SteinerTree04.JPG|300px|กลไกSteiner]] </center> | + | <center> [[ภาพ:005-SteinerTree04.JPG|800px|กลไกSteiner]] </center> |
+ | |||
+ | |||
+ | Depth First Search Animation:: [http://www.rci.rutgers.edu/~cfs/472_html/AI_SEARCH/SearchAnimations.html DFS Animation] | ||
+ | **การสร้าง Steiner Tree ใดๆ สามารถหาได้จาก Spanning ที่มีค่าไม่เกน2เท่าของ Optimum | ||
+ | จะสร้าง F’ ที่เป็น Spanning Tree บน F ที่มี Cost(F’) ≤ 2.Cost(F) | ||
+ | ;ขั้นตอนการทำงานจากรูป Steiner Tree ด้านบน:1) จาก F สร้าง Trail H ด้วย DFS ความยาวของ H = 2.Cost(F) เพราะแต่ละ Edge ใน F ถูกเดินผ่าน 2 ครั้ง<br>2) สร้าง F’ จาก H โดยการสร้าง Short cut จะได้ว่า<br>Cost(F’) ≤ ความยาวของ H = 2.Cost(F)<br><br> | ||
+ | Minimum Steiner Tree มี Span ที่ Cost ไม่เกิน 2 เท่าของ Steiner Tree ทำให้ได้ค่าดีที่สุดไม่เกิน 2 เท่าของ Minimum Steiner Tree | ||
+ | แต่ก็ยังมีตัวอย่างที่ MST G’ ให้คำตอบ 2 เท่า | ||
+ | |||
+ | |||
+ | <center> [[ภาพ:006-SteinerTree05.JPG|300px|กลไกSteiner]] </center> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ;จากรูป :1) จะเป็นการเชื่อมแบบ Completed Graph และ ทุก Edge ความยาว 2 ทำให้ Spanning Tree ตอบ 2(n-1)<br>2) จากนั้นเติมโหนดสีแดง จะไม่เปลี่ยนค่า Cost ของการเดิน เพราะจะยังคงค่าความยาว 2 เท่าเดิม และเรามีค่า Steiner คือ n โหนด<br> จะพบว่าเราได้ 2(n-1)/n ซึ่งยิ่งค่า n มากๆ ค่าก็จะเป็นค่าที่เข้าใกล้ 2 | ||
== Traveling Sale person problem == | == Traveling Sale person problem == | ||
+ | ;พื้นฐาน: มีเมือง n เมือง 1,…,n ระหว่างเมือง i กับ j มีระยะทาง d(i,j) โดยที่ d เป็น metric ซึ่งมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้<br>(1) d(i,j) = 0 ;∀i หากเป็นจุดเดียวกันระยะทางเป็นศูนย์<br>(2) d(i,j) = d(j,i) ; ∀i,j จุดต้นและปลายเดียวกันไปมาหากันระยะทางเท่ากัน<br>(3) d(i,j) ≤ d(i,k) + d(k,j) ; ∀i,j,k เส้นทางใหม่ ระยะทางไม่ยาวเกินไปกว่าระยะทางเดิม<br>โดย TSP ต้องการหา Cycle ที่ผ่านครบทุกเมือง เมืองละ 1 ครั้งเท่านั้น | ||
+ | |||
+ | |||
+ | |||
+ | <center> [[ภาพ:007-SteinerTree06.JPG|500px|กลไกSteiner]] </center> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | |||
+ | ;พิจารณา Optimum Solution C* ของ TSP:ลบ Edge 1 edge ออกจาก C* จะได้ Part P (Part นั้นซึ่งเป็น Tree) ที่มี Cost ไม่เกิน Cost ของ C*<br>ถ้า T เป็น MST ของกร๊าฟ<br>Cost(T) ≤ Cost(P) ≤ Cost(C*) | ||
+ | |||
+ | |||
+ | “การทำ Spanning Tree จะได้กร๊าฟ แต่เราต้องการ Part เพื่อ Tour” | ||
+ | |||
+ | เราต้องการเดินครบทุก Edge แต่กร๊าฟเรากลายเป็น Tree การเดินจะซ้ำบาง Edge ดังนั้นเราเติมบาง Edge จะทำให้เดินได้ตามที่ต้องการ แท้จริงแล้วคือการนำ Short Cut มาช่วย | ||
+ | |||
+ | :1. Minimum Spanning Tree ค่า Cost จะไม่เกิน Optimum | ||
+ | :2. เราต้องหา Edge มาเติมเพื่อให้ Degree เป็นคู่แต่ค่าใช้จ่ายต่ำ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ;Claim1: ทุกๆ กร๊าฟมีโหนด degree คี่เป็นจำนวนคู่ (ผลรวมของ degree ทั้งหมดเป็นเลขคู่)<br>1. Edge บวก Degree ให้กับโหนดทั้งสองโหนด<br>::ได้ว่า Node มี 2 เท่าของจำนวน Edge<br>ผลรวม degree คู่ (2 edges) หากแม้นดึงออกก็ยังทำให้ degree รวมยังคงเป็นคู่เพราะว่า degree คี่รวมกันเป็นจำนวนคู่ จะได้ degree รวมยังคงเป็นคู่จริง<br> ∑ vมีdegreคู่deg(V) + ∑ vมีdegreคี่deg(V) = ∑ vЄVdeg(V) | ||
+ | |||
+ | พิจารณา | ||
+ | |||
+ | <center> [[ภาพ:008-SteinerTree07.JPG|300px|กลไกSteiner]] </center> | ||
+ | |||
+ | :- Node degree คี่ | ||
+ | :- เติม Edge เข้าไป จับคู่โหนด degree คี่ (เส้นสีเขียว) | ||
+ | ::o ??? การจับคือปัญหา เพราะจะต้องจับคู่ให้ระยะทางรวมน้อยที่สุด | ||
+ | ::o Minimum Matching ใน General Graph แก้ได้ใน Polynomial time (ปัญหา Minimum Matching ปรกติพบเห็นได้ใน Bipartite graph | ||
+ | :- จะสร้าง G’ โดยมีโหนดเป็นโหนด degree คี่ ใน T | ||
+ | ::o Weight ของแต่ละเส้นเชื่อม w(u,v) = d(u,v) | ||
+ | :- หา Minimum Weight Matching M ใน G’ | ||
+ | :- หา Cycle ใน T υ M | ||
+ | :- หา Short Cut | ||
+ | คำตอบมีค่าใช้จ่าย Cost(T) + Cost(M) ≤ Optimum + Cost(M) ≤ 1.5 (Optimum) | ||
+ | ซึ่งเราจะพิสูจน์ภายหลังว่า Cost(M) ≤ 0.5(Optimum) | ||
+ | |||
== Set Cover problem == | == Set Cover problem == | ||
+ | :มี Universal U = {1,…,n} | ||
+ | :มี Set S1, S2,…,Sm ที่ Si ⊆ U ;∀i | ||
+ | |||
+ | ตัวอย่าง | ||
+ | |||
+ | <center> [[ภาพ:009-SetCover.JPG|200px|การเลือกTestCase]] </center> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | เลือก Subset น้อยที่สุด และเลือกไปเรื่อยๆได้ U , เช่น run test case ให้น้อยครั้งที่สุดเพื่อหา BUG ว่ามีกี่ case โดยการเลือก Set ของการ Test | ||
+ | |||
+ | ต้องการหา I ⊆ {1,…,m} ที่ |I| น้อยที่สุด และ u Si = U ; โดยที่ I Є I | ||
+ | |||
+ | :'''เทคนิค Greedy''' | ||
+ | ::1.เลือก Set ที่โตที่สุดและตัดออก | ||
+ | ::2.เลือก Set ใหญ่สุดที่เหลือ | ||
+ | ::จะได้ไม่เกิน ln(n) เท่า | ||
+ | |||
+ | |||
+ | :'''Algorithm''' | ||
+ | ::u = U ; 1 ← ø | ||
+ | ::while u ≠ ø | ||
+ | :::เลือก i ที่ Maximize u ∩ Si | ||
+ | :::I ← I υ {i} | ||
+ | :::u ← u - Si | ||
+ | ::end while | ||
+ | |||
+ | |||
+ | สมมติให้มี Set จำนวน K sets ที่ cover U (คำตอบที่ดีที่สุดคือ K sets)<br> | ||
+ | จะต้องมีอย่างน้อย 1 set ที่กินไม่น้อยกว่า 1/K ของทั้งหมด | ||
+ | |||
+ | |||
+ | :'''Step แรก''' | ||
+ | ::เลือก Set ที่ Cover อย่างน้อย n/K elements | ||
+ | ::ให้ ni แทน |u| หลังการเลือก Set ไป i set | ||
+ | ::n0 = n | ||
+ | ::ni ≤ ni-1 - ni-1/K = ni-1 (1-1/K) | ||
+ | ::ni ≤ n(1-1/K)^i ; ก้อนนี้จะต้องยกกำลัง i กี่ครั้งจึงจะกิน n จนหมด | ||
+ | |||
+ | :'''ทำกี่ครั้ง''' | ||
+ | ::ni < n(1 - 1/K)^i ; K > 0 | ||
+ | ::ni < n(e^-1/K)^i | ||
+ | ::ni < n.e^-i/K | ||
+ | ::ถ้าให้ i = k ln(n) | ||
+ | ::จะได้ว่า ni < n.e^-(K ln(n))/K = n.e^-(ln(n)) = n.1/n = 1 | ||
+ | ::ln (n) คือ approximation algorithm | ||
+ | |||
== Minimum Congestion Routing problem == | == Minimum Congestion Routing problem == |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 05:59, 2 ตุลาคม 2550
จดบันทึกคำบรรยายโดย:
- นายดิเรก ยิ้มละมัย รหัส : 50653799
- Lecture Date :: 26 September 2007 (06.00PM)
- Create Date :: 27 September 2007 (05.18PM)
- Last Update :: 02 October 2007 (12.01PM)
- วางโครงเฉยๆ อ่ะครับ จะรีบทำให้เสร็จเร็วๆนะครับ
เนื้อหา
Approximation Algorithm
- เนื่องจากการดำเนินการด้วย Algorithm ตรงๆ นั้นหากทำให้เสร็จโดยสมบูรณ์จะมีระยะเวลามากกว่า polynomial time ดังนั้นจึงมี approximation algorithm ด้วยการใช้ heuristic บางอย่างมาช่วยในการดำเนินการ แต่จะไม่รับประกันว่าค่าคำตอบนั้นดีที่สุด
Vertex Cover problem
ให้กร๊าฟ G = (V, E) หา set C ⊆ ที่ Cover edge ทั้งหมด ที่มีขนาดเล็กที่สุด แนวคิดแรก หาก node ที่มี edge เข้าหาตัวมันมากที่สุด Degree มาก แต่จะได้ความห่างจากคำตอบที่ดีที่สุดคือ log(n) แนวคิดที่ดีกว่า หยิบ edge แทนจะทำให้ได้ Node 2 node ในการหยิบหนึ่งครั้งได้ความห่างอยู่ที่ 2 เท่าของคำตอบที่ดีที่สุด วิธีการคร่าวๆ ดังรูป
- Algorithm
- C <- ø
While มี edge ใน G
เลือก edge e = (u, v) ใดๆ
C <- C υ {u, v}
ลบทุกๆ Edge ที่ติดกับ u หรือ v
[ M <- M υ {e} ] //ใส่เพื่อ analysis ว่าเป็น edge ร่วมที่เลือก
return C
- Claim
- สำหรับ vertex cover C’ ใดๆ
|C’| ≥ |M| - Proof
- เนื่องจาก C’ เป็น vertex cover ทุกๆ edge e Є M, C’ จะต้องมีจุดปลายของ e อย่างน้อย 1 จุด
อย่างไรก็ตามทุกๆ edge ใน M ไม่ใช่จุดปลายร่วมกันเลยนั่นคือ |C’| ≥ |M| ตามต้องการ ----#
เพราะฉะนั้น Approximate ไม่เกิน 2 เท่า - คำอธิบาย
- edge เหล่านี้สังเกตดีๆ ว่าจะไม่ share node กันเลย จะใช้ cover อย่างน้อยเท่ากับจำนวน edge เหล่านี้ ในแต่ละ edge มี 2 node จะต้องเลือก 1 node เราเลือก edge ทำให้บอกได้ว่าดีที่สุดคือ vertex cover มีค่าเท่ากับจำนวน edge แต่เราเอกได้ 2 node ต่อ 1 edge ดังนั้นคำตอบที่ได้จะเป็น 2 เท่าของ edge
เพราะฉะนั้น คำตอบจะเป็น 2 เท่าของคำตอบจริง
Metric Steiner Tree problem
Steiner tree คือ ปัญหาที่เรามี Complete graph G = (V, E) มี edge weight W(e) บนเส้นเชื่อม e มี Set T ⊆ V หากมองถึง Minimum spanning tree คือหา ทุกๆ node เชื่อมกันที่มี Weight ต่ำที่สุด แต่ในส่วนของ Steiner tree นั้นจะหา Minimum Steiner tree ขอเรียกว่า Minimum Cost Tree ที่ Span T (Steiner Tree)
เราสามารถนำโหนดอื่นๆ มาช่วยในการหาได้ เพราะความจริงเราหา minimum spanning tree ไม่ได้จริงในทุก graph แต่เราอยากหาเส้นทางที่ไปได้และใกล้เคียง
หากใช้ Minimum spanning tree เราจะถือว่าทุกโหนดสำคัญ ซึ่งทำให้อาจได้ค่าจาก A, B, C, D เดินหากันนั้นไกลมาก ทั้งที่อยู่ใกล้กันมาก ดังรูป
- Algorithm
- สร้างกร๊าฟ G’ ที่ มี T เป็นเซตของโหนด
มี Cost เหมือนเดิม
โดยไม่สนใจโหนดภายนอกโยนทิ้งทั้งหมด คือ การไม่สนโหนดช่วยเหลือ
หา MST G’ (ค่าไม่เกินสองเท่าของ Steiner tree)
จะพิสูจน์ว่า minimum spanning tree หาได้ค่าดีที่สุดไม่เกินสองเท่าของ Minimum Steiner Tree พิจารณา Optimal Steiner Tree
Depth First Search Animation:: DFS Animation
- การสร้าง Steiner Tree ใดๆ สามารถหาได้จาก Spanning ที่มีค่าไม่เกน2เท่าของ Optimum
จะสร้าง F’ ที่เป็น Spanning Tree บน F ที่มี Cost(F’) ≤ 2.Cost(F)
- ขั้นตอนการทำงานจากรูป Steiner Tree ด้านบน
- 1) จาก F สร้าง Trail H ด้วย DFS ความยาวของ H = 2.Cost(F) เพราะแต่ละ Edge ใน F ถูกเดินผ่าน 2 ครั้ง
2) สร้าง F’ จาก H โดยการสร้าง Short cut จะได้ว่า
Cost(F’) ≤ ความยาวของ H = 2.Cost(F)
Minimum Steiner Tree มี Span ที่ Cost ไม่เกิน 2 เท่าของ Steiner Tree ทำให้ได้ค่าดีที่สุดไม่เกิน 2 เท่าของ Minimum Steiner Tree แต่ก็ยังมีตัวอย่างที่ MST G’ ให้คำตอบ 2 เท่า
- จากรูป
- 1) จะเป็นการเชื่อมแบบ Completed Graph และ ทุก Edge ความยาว 2 ทำให้ Spanning Tree ตอบ 2(n-1)
2) จากนั้นเติมโหนดสีแดง จะไม่เปลี่ยนค่า Cost ของการเดิน เพราะจะยังคงค่าความยาว 2 เท่าเดิม และเรามีค่า Steiner คือ n โหนด
จะพบว่าเราได้ 2(n-1)/n ซึ่งยิ่งค่า n มากๆ ค่าก็จะเป็นค่าที่เข้าใกล้ 2
Traveling Sale person problem
- พื้นฐาน
- มีเมือง n เมือง 1,…,n ระหว่างเมือง i กับ j มีระยะทาง d(i,j) โดยที่ d เป็น metric ซึ่งมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) d(i,j) = 0 ;∀i หากเป็นจุดเดียวกันระยะทางเป็นศูนย์
(2) d(i,j) = d(j,i) ; ∀i,j จุดต้นและปลายเดียวกันไปมาหากันระยะทางเท่ากัน
(3) d(i,j) ≤ d(i,k) + d(k,j) ; ∀i,j,k เส้นทางใหม่ ระยะทางไม่ยาวเกินไปกว่าระยะทางเดิม
โดย TSP ต้องการหา Cycle ที่ผ่านครบทุกเมือง เมืองละ 1 ครั้งเท่านั้น
- พิจารณา Optimum Solution C* ของ TSP
- ลบ Edge 1 edge ออกจาก C* จะได้ Part P (Part นั้นซึ่งเป็น Tree) ที่มี Cost ไม่เกิน Cost ของ C*
ถ้า T เป็น MST ของกร๊าฟ
Cost(T) ≤ Cost(P) ≤ Cost(C*)
“การทำ Spanning Tree จะได้กร๊าฟ แต่เราต้องการ Part เพื่อ Tour”
เราต้องการเดินครบทุก Edge แต่กร๊าฟเรากลายเป็น Tree การเดินจะซ้ำบาง Edge ดังนั้นเราเติมบาง Edge จะทำให้เดินได้ตามที่ต้องการ แท้จริงแล้วคือการนำ Short Cut มาช่วย
- 1. Minimum Spanning Tree ค่า Cost จะไม่เกิน Optimum
- 2. เราต้องหา Edge มาเติมเพื่อให้ Degree เป็นคู่แต่ค่าใช้จ่ายต่ำ
- Claim1
- ทุกๆ กร๊าฟมีโหนด degree คี่เป็นจำนวนคู่ (ผลรวมของ degree ทั้งหมดเป็นเลขคู่)
1. Edge บวก Degree ให้กับโหนดทั้งสองโหนด
::ได้ว่า Node มี 2 เท่าของจำนวน Edge
ผลรวม degree คู่ (2 edges) หากแม้นดึงออกก็ยังทำให้ degree รวมยังคงเป็นคู่เพราะว่า degree คี่รวมกันเป็นจำนวนคู่ จะได้ degree รวมยังคงเป็นคู่จริง
∑ vมีdegreคู่deg(V) + ∑ vมีdegreคี่deg(V) = ∑ vЄVdeg(V)
พิจารณา
- - Node degree คี่
- - เติม Edge เข้าไป จับคู่โหนด degree คี่ (เส้นสีเขียว)
- o ??? การจับคือปัญหา เพราะจะต้องจับคู่ให้ระยะทางรวมน้อยที่สุด
- o Minimum Matching ใน General Graph แก้ได้ใน Polynomial time (ปัญหา Minimum Matching ปรกติพบเห็นได้ใน Bipartite graph
- - จะสร้าง G’ โดยมีโหนดเป็นโหนด degree คี่ ใน T
- o Weight ของแต่ละเส้นเชื่อม w(u,v) = d(u,v)
- - หา Minimum Weight Matching M ใน G’
- - หา Cycle ใน T υ M
- - หา Short Cut
คำตอบมีค่าใช้จ่าย Cost(T) + Cost(M) ≤ Optimum + Cost(M) ≤ 1.5 (Optimum) ซึ่งเราจะพิสูจน์ภายหลังว่า Cost(M) ≤ 0.5(Optimum)
Set Cover problem
- มี Universal U = {1,…,n}
- มี Set S1, S2,…,Sm ที่ Si ⊆ U ;∀i
ตัวอย่าง
เลือก Subset น้อยที่สุด และเลือกไปเรื่อยๆได้ U , เช่น run test case ให้น้อยครั้งที่สุดเพื่อหา BUG ว่ามีกี่ case โดยการเลือก Set ของการ Test
ต้องการหา I ⊆ {1,…,m} ที่ |I| น้อยที่สุด และ u Si = U ; โดยที่ I Є I
- เทคนิค Greedy
- 1.เลือก Set ที่โตที่สุดและตัดออก
- 2.เลือก Set ใหญ่สุดที่เหลือ
- จะได้ไม่เกิน ln(n) เท่า
- Algorithm
- u = U ; 1 ← ø
- while u ≠ ø
- เลือก i ที่ Maximize u ∩ Si
- I ← I υ {i}
- u ← u - Si
- end while
สมมติให้มี Set จำนวน K sets ที่ cover U (คำตอบที่ดีที่สุดคือ K sets)
จะต้องมีอย่างน้อย 1 set ที่กินไม่น้อยกว่า 1/K ของทั้งหมด
- Step แรก
- เลือก Set ที่ Cover อย่างน้อย n/K elements
- ให้ ni แทน |u| หลังการเลือก Set ไป i set
- n0 = n
- ni ≤ ni-1 - ni-1/K = ni-1 (1-1/K)
- ni ≤ n(1-1/K)^i ; ก้อนนี้จะต้องยกกำลัง i กี่ครั้งจึงจะกิน n จนหมด
- ทำกี่ครั้ง
- ni < n(1 - 1/K)^i ; K > 0
- ni < n(e^-1/K)^i
- ni < n.e^-i/K
- ถ้าให้ i = k ln(n)
- จะได้ว่า ni < n.e^-(K ln(n))/K = n.e^-(ln(n)) = n.1/n = 1
- ln (n) คือ approximation algorithm