ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Apr23 steiner"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'ให้กราฟ '''G''' แบบมีทิศทาง ที่มีโหนด '''N''' โหนด ('''N''' <= 1 000) ม...')
 
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
แถว 1: แถว 1:
 
ให้กราฟ '''G''' แบบมีทิศทาง ที่มีโหนด '''N''' โหนด ('''N''' <= 1 000) มีเส้นเชื่อมที่มีทิศทางและมีน้ำหนัก '''M''' เส้น ('''M''' <= 50 000) (ระหว่างโหนดคู่หนึ่ง อาจมีเส้นเชื่อมได้มากกว่าหนึ่งเส้น)  โหนดในกราฟมีหมายเลข 0, 1, ..., '''N''' - 1
 
ให้กราฟ '''G''' แบบมีทิศทาง ที่มีโหนด '''N''' โหนด ('''N''' <= 1 000) มีเส้นเชื่อมที่มีทิศทางและมีน้ำหนัก '''M''' เส้น ('''M''' <= 50 000) (ระหว่างโหนดคู่หนึ่ง อาจมีเส้นเชื่อมได้มากกว่าหนึ่งเส้น)  โหนดในกราฟมีหมายเลข 0, 1, ..., '''N''' - 1
  
ให้เซตของจุดยอด '''T''' ที่มีจำนวนไม่เกิน 10 โหนด เราต้องการหาต้นไม้ที่มีทิศทาง (arborescence) ที่เป็น subgraph ของ '''G''' ที่มีโหนด 0 เป็นโหนดราก และเชื่อมไปยังทุก ๆ โหนดใน '''T''' (อาจจะมีโหนดอื่นร่วมด้วยได้)  ที่มีน้ำหนักน้อยที่สุด (นิยามน้ำหนักของต้นไม้เท่ากับผลรวมของนำหนักของเส้นเชื่อมในต้นไม้ทั้งหมด)
+
ให้เซตของจุดยอด '''T''' ที่มีขนาด '''K''' ('''K''' <= 10) เราต้องการหาต้นไม้ที่มีทิศทาง (arborescence) ที่เป็น subgraph ของ '''G''' ที่มีโหนด 0 เป็นโหนดราก และเชื่อมไปยังทุก ๆ โหนดใน '''T''' (อาจจะมีโหนดอื่นร่วมด้วยได้)  ที่มีน้ำหนักน้อยที่สุด (นิยามน้ำหนักของต้นไม้เท่ากับผลรวมของนำหนักของเส้นเชื่อมในต้นไม้ทั้งหมด)
  
 
'''ข้อมูลนำเข้า'''
 
'''ข้อมูลนำเข้า'''
แถว 7: แถว 7:
 
* บรรทัดแรกระบุจำนวนเต็ม '''N''' และ '''M''' แทนจำนวนโหนดและจำนวนเส้นเชื่อม
 
* บรรทัดแรกระบุจำนวนเต็ม '''N''' และ '''M''' แทนจำนวนโหนดและจำนวนเส้นเชื่อม
 
* อีก M บรรทัดระบุเส้นเชื่อม โดยระบุจำนวนเต็ม '''A''' '''B''' และ '''C''' เพื่อระบุว่ามีเส้นเชื่อมจากโหนด '''A''' ไปยังโหนด '''B''' ที่มีน้ำหนัก '''C'''
 
* อีก M บรรทัดระบุเส้นเชื่อม โดยระบุจำนวนเต็ม '''A''' '''B''' และ '''C''' เพื่อระบุว่ามีเส้นเชื่อมจากโหนด '''A''' ไปยังโหนด '''B''' ที่มีน้ำหนัก '''C'''
 +
* บรรทัดถัดไประบุจำนวนเต็ม '''K''' แทนขนาดของ '''T'''
 +
* บรรทัดถัดไประบุจำนวนเต็ม '''K''' จำนวน แทนหมายเลขโหนดในเซต '''T'''
  
'''ข้อมูลส่งออก''
+
'''ข้อมูลส่งออก'''
  
 
* มีหนึ่งบรรทัดเป็นน้ำหนักของต้นไม้ที่มีทิศทางที่น้อยที่สุด ที่มีโหนด 0 เป็นโหนดรากและมีทุกโหนดใน '''T'''
 
* มีหนึ่งบรรทัดเป็นน้ำหนักของต้นไม้ที่มีทิศทางที่น้อยที่สุด ที่มีโหนด 0 เป็นโหนดรากและมีทุกโหนดใน '''T'''
แถว 28: แถว 30:
 
Output:
 
Output:
 
<pre>3
 
<pre>3
 +
</pre>
 +
 +
'''ตัวอย่าง 2'''
 +
 +
Input:
 +
<pre>6 6
 +
0 1 10
 +
1 3 10
 +
3 5 10
 +
0 2 1
 +
2 4 1
 +
5 4 1
 +
2
 +
4 5
 +
</pre>
 +
 +
Output:
 +
<pre>31
 +
</pre>
 +
 +
'''ตัวอย่าง 3'''
 +
 +
Input:
 +
<pre>5 8
 +
0 1 1
 +
1 2 1
 +
1 3 1
 +
2 0 2
 +
3 0 2
 +
3 2 2
 +
3 4 2
 +
0 4 10
 +
3
 +
1 2 4
 +
</pre>
 +
 +
Output:
 +
<pre>5
 
</pre>
 
</pre>

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 06:05, 31 พฤษภาคม 2557

ให้กราฟ G แบบมีทิศทาง ที่มีโหนด N โหนด (N <= 1 000) มีเส้นเชื่อมที่มีทิศทางและมีน้ำหนัก M เส้น (M <= 50 000) (ระหว่างโหนดคู่หนึ่ง อาจมีเส้นเชื่อมได้มากกว่าหนึ่งเส้น) โหนดในกราฟมีหมายเลข 0, 1, ..., N - 1

ให้เซตของจุดยอด T ที่มีขนาด K (K <= 10) เราต้องการหาต้นไม้ที่มีทิศทาง (arborescence) ที่เป็น subgraph ของ G ที่มีโหนด 0 เป็นโหนดราก และเชื่อมไปยังทุก ๆ โหนดใน T (อาจจะมีโหนดอื่นร่วมด้วยได้) ที่มีน้ำหนักน้อยที่สุด (นิยามน้ำหนักของต้นไม้เท่ากับผลรวมของนำหนักของเส้นเชื่อมในต้นไม้ทั้งหมด)

ข้อมูลนำเข้า

  • บรรทัดแรกระบุจำนวนเต็ม N และ M แทนจำนวนโหนดและจำนวนเส้นเชื่อม
  • อีก M บรรทัดระบุเส้นเชื่อม โดยระบุจำนวนเต็ม A B และ C เพื่อระบุว่ามีเส้นเชื่อมจากโหนด A ไปยังโหนด B ที่มีน้ำหนัก C
  • บรรทัดถัดไประบุจำนวนเต็ม K แทนขนาดของ T
  • บรรทัดถัดไประบุจำนวนเต็ม K จำนวน แทนหมายเลขโหนดในเซต T

ข้อมูลส่งออก

  • มีหนึ่งบรรทัดเป็นน้ำหนักของต้นไม้ที่มีทิศทางที่น้อยที่สุด ที่มีโหนด 0 เป็นโหนดรากและมีทุกโหนดใน T

ตัวอย่าง 1

Input:

6 6
0 1 10
1 3 10
3 5 10
0 2 1
2 4 1
4 5 1
2
4 5

Output:

3

ตัวอย่าง 2

Input:

6 6
0 1 10
1 3 10
3 5 10
0 2 1
2 4 1
5 4 1
2
4 5

Output:

31

ตัวอย่าง 3

Input:

5 8
0 1 1
1 2 1
1 3 1
2 0 2
3 0 2
3 2 2
3 4 2
0 4 10
3
1 2 4

Output:

5