ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Python Programming/Modules"
ไปยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา
Cardcaptor (คุย | มีส่วนร่วม) |
Chaiporn (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
แถว 3: | แถว 3: | ||
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ สมมติว่าโปรแกรมด้านล่างถูกเก็บอยู่ในแฟ้ม mymodule.py | พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ สมมติว่าโปรแกรมด้านล่างถูกเก็บอยู่ในแฟ้ม mymodule.py | ||
− | < | + | <syntaxhighlight lang="python"> |
# แฟ้ม mymodule.py | # แฟ้ม mymodule.py | ||
def my_add(a,b): | def my_add(a,b): | ||
return a+b | return a+b | ||
− | </ | + | </syntaxhighlight> |
เราสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันดังกล่าวในอีกโปรแกรมได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้ | เราสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันดังกล่าวในอีกโปรแกรมได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้ | ||
− | < | + | <syntaxhighlight lang="python"> |
import mymodule | import mymodule | ||
print mymodule.my_add(10,20) | print mymodule.my_add(10,20) | ||
− | </ | + | </syntaxhighlight> |
การสั่ง import mymodule เปรียบเสมือนการเรียกแฟ้ม mymodule.py เข้ามารวมกับโปรแกรมที่เราเขียน ถ้าในแฟ้ม mymodule.py มีคำสั่งให้ทำงานอยู่ คำสั่งเหล่านั้นจะถูกเรียกใช้ด้วยเช่นเดียวกัน | การสั่ง import mymodule เปรียบเสมือนการเรียกแฟ้ม mymodule.py เข้ามารวมกับโปรแกรมที่เราเขียน ถ้าในแฟ้ม mymodule.py มีคำสั่งให้ทำงานอยู่ คำสั่งเหล่านั้นจะถูกเรียกใช้ด้วยเช่นเดียวกัน | ||
แถว 22: | แถว 22: | ||
อย่างไรก็ตาม บางครั้งเราเขียนโปรแกรม Python เพื่อใช้ และในขณะเดียวกันก็ต้องการให้ฟังก์ชันที่เขียนสามารถนำไปใช้ในโปรแกรมอื่น ๆ ด้วย เราสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ตัวแปร __name__ ดังเช่นตัวอย่างด้านล่างนี้ | อย่างไรก็ตาม บางครั้งเราเขียนโปรแกรม Python เพื่อใช้ และในขณะเดียวกันก็ต้องการให้ฟังก์ชันที่เขียนสามารถนำไปใช้ในโปรแกรมอื่น ๆ ด้วย เราสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ตัวแปร __name__ ดังเช่นตัวอย่างด้านล่างนี้ | ||
− | < | + | <syntaxhighlight lang="python"> |
# แฟ้ม mymodule.py | # แฟ้ม mymodule.py | ||
แถว 35: | แถว 35: | ||
if __name__ == "__main__": # ตรวจสอบว่าเป็นแฟ้มหลักหรือไม่ | if __name__ == "__main__": # ตรวจสอบว่าเป็นแฟ้มหลักหรือไม่ | ||
main() | main() | ||
− | </ | + | </syntaxhighlight> |
เมื่อเราเรียก python mymodule.py เราจะได้ผลลัพธ์เป็น | เมื่อเราเรียก python mymodule.py เราจะได้ผลลัพธ์เป็น |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 04:22, 4 ตุลาคม 2558
แฟ้มโปรแกรม Python ใด ๆ จะถูกจัดโมดูล ซึ่งถูกเรียกใช้ได้จากแฟ้ม Python อื่น ๆ
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ สมมติว่าโปรแกรมด้านล่างถูกเก็บอยู่ในแฟ้ม mymodule.py
# แฟ้ม mymodule.py
def my_add(a,b):
return a+b
เราสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันดังกล่าวในอีกโปรแกรมได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
import mymodule
print mymodule.my_add(10,20)
การสั่ง import mymodule เปรียบเสมือนการเรียกแฟ้ม mymodule.py เข้ามารวมกับโปรแกรมที่เราเขียน ถ้าในแฟ้ม mymodule.py มีคำสั่งให้ทำงานอยู่ คำสั่งเหล่านั้นจะถูกเรียกใช้ด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม บางครั้งเราเขียนโปรแกรม Python เพื่อใช้ และในขณะเดียวกันก็ต้องการให้ฟังก์ชันที่เขียนสามารถนำไปใช้ในโปรแกรมอื่น ๆ ด้วย เราสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ตัวแปร __name__ ดังเช่นตัวอย่างด้านล่างนี้
# แฟ้ม mymodule.py
def my_add(a,b):
return a+b
def main():
# โปรแกรมหลักของแฟ้มนี้
print "You run mymodule.py"
print my_add(100,200)
if __name__ == "__main__": # ตรวจสอบว่าเป็นแฟ้มหลักหรือไม่
main()
เมื่อเราเรียก python mymodule.py เราจะได้ผลลัพธ์เป็น
You run mymodule.py 300
อย่างไรก็ตามฟังก์ชัน main จะไม่ถูกเรียกในโปรแกรมที่เรียกใช้โมดูล mymodule
หน้าก่อน: Inheritance | สารบัญ | หน้าต่อไป: |