ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Coci"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
 
(ไม่แสดง 11 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 3 คน)
แถว 4: แถว 4:
 
โดมิโนเป็นชิ้นส่วนสำหรับเกมหลาย ๆ เกม แต่ละชิ้นโดมิโนจะมีเครื่องหมายสองอัน แต่ละเครื่องหมายจะมีจุดหลาย ๆ จุด (อาจมี 0 จุดได้)  จำนวนจุดขึ้นกับขนาดของ''เซต'' (''set'' size)  แต่ละเครื่องหมายในชิ้นโดมิโนในเซตขนาด '''N''' จะมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง '''N'''  ชิ้นโดมิโนสองชิ้นจะถือว่าเหมือนกันถ้ามีจำนวนจุดเท่ากัน (โดยไม่ขึ้นกับว่าจะอ่านจากทางใด) เช่น ชิ้นที่มีจุด 2 และ 8 จุด จะเหมือนกับชิ้นที่มี 8 และ 2 จุด  ชุดโดมิโนที่ถูกต้องจะไม่มีโดมิโนซ้ำกัน  เซตโดมิโน '''ที่สมบูรณ์''' ที่มีขนาด '''N''' จะมีชิ้นส่วนทั้งหมดที่มีจุด '''N''' จุดหรือน้อยกว่านั้น โดยไม่มีชิ้นที่ซ้ำ  
 
โดมิโนเป็นชิ้นส่วนสำหรับเกมหลาย ๆ เกม แต่ละชิ้นโดมิโนจะมีเครื่องหมายสองอัน แต่ละเครื่องหมายจะมีจุดหลาย ๆ จุด (อาจมี 0 จุดได้)  จำนวนจุดขึ้นกับขนาดของ''เซต'' (''set'' size)  แต่ละเครื่องหมายในชิ้นโดมิโนในเซตขนาด '''N''' จะมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง '''N'''  ชิ้นโดมิโนสองชิ้นจะถือว่าเหมือนกันถ้ามีจำนวนจุดเท่ากัน (โดยไม่ขึ้นกับว่าจะอ่านจากทางใด) เช่น ชิ้นที่มีจุด 2 และ 8 จุด จะเหมือนกับชิ้นที่มี 8 และ 2 จุด  ชุดโดมิโนที่ถูกต้องจะไม่มีโดมิโนซ้ำกัน  เซตโดมิโน '''ที่สมบูรณ์''' ที่มีขนาด '''N''' จะมีชิ้นส่วนทั้งหมดที่มีจุด '''N''' จุดหรือน้อยกว่านั้น โดยไม่มีชิ้นที่ซ้ำ  
  
เขียนโปรแกรมที่ตำนวณจำนวนจุดรวมบนชิ้นโดมิโนในเซตโดมิโนที่สมบูรณ์ที่มีขนาด '''N'''
+
เขียนโปรแกรมที่คำนวณจำนวนจุดรวมบนชิ้นโดมิโนในเซตโดมิโนที่สมบูรณ์ที่มีขนาด '''N'''
  
 
== dobra ==
 
== dobra ==
Lea เจอคำมากมายในชีวิตของเธอ และเธอไม่พึงใจคำจำนวนมาก เพื่อลดความไม่พึงใจนี้ เธอจึงเริ่มสร้างคำที่เธอพึงใจ Lea สร้างคำใหม่โดยเริ่มจากการเขียนสตริงของตัวอักษรบนกระดาษ หลังจากนั้นเธอจะลบตัวอักษรกลุ่มที่น่าเกลียดที่สุดออกไปแล้วแทนพวกมันแต่ละตัวด้วยเครื่องหมายขีดล่าง (underscore: '_') หลังจากนั้นเธอจะพยายามเปลี่ยนเครืื่องหมายขีดล่างเป็นตัวอักษรที่เธอยอมรับมากกว่าเพื่อทำให้คำนั้นพึงใจเธอ
+
Lea เจอคำมากมายในชีวิตของเธอ และเธอไม่พึงใจคำจำนวนมาก เพื่อลดความไม่พึงใจนี้ เธอจึงเริ่มสร้างคำที่เธอพึงใจ Lea สร้างคำใหม่โดยเริ่มจากการเขียนสตริงของตัวอักษรบนกระดาษ หลังจากนั้นเธอจะลบตัวอักษรกลุ่มที่น่าเกลียดที่สุดออกไปแล้วแทนพวกมันแต่ละตัวด้วยเครื่องหมายขีดล่าง (underscore: '_') หลังจากนั้นเธอจะพยายามเปลี่ยนเครื่องหมายขีดล่างเป็นตัวอักษรที่เธอยอมรับมากกว่าเพื่อทำให้คำนั้นพึงใจเธอ
  
Lea จะพึงใจคำคำหนึ่ง ถ้าหากว่าคำนั้นไม่มีสระ 3 ตัวติดกัน และไ่ม่มีพยัญชนะ 3 ตัวติดกัน และมีตัวอักษร L อย่างน้อยหนึ่งตัว
+
Lea จะพึงใจคำคำหนึ่ง ถ้าหากว่าคำนั้นไม่มีสระ 3 ตัวติดกัน และไม่มีพยัญชนะ 3 ตัวติดกัน และมีตัวอักษร L อย่างน้อยหนึ่งตัว
  
สระภาษาโครเอเชียคืิอตัวอักษร A, E, I, O, U เท่านั้น ตัวอักษรอื่นๆ เป็นพยัญชนะทั้งหมด
+
สระภาษาโครเอเชียคือตัวอักษร A, E, I, O, U เท่านั้น ตัวอักษรอื่นๆ เป็นพยัญชนะทั้งหมด
  
 
=== ข้อมูลนำเข้า ===
 
=== ข้อมูลนำเข้า ===
ข้อมูลนำ้เข้ามีเพียงบรรทัดเดียว และในบรรทัดนั้นมีสตริงของตัวอักษรความยาวไม่เกิน 100 ตัวอักษร สตริงนี้จะประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่และเครื่องหมายขีดล่าง '_' เท่านั้น และจะมีเครื่องหมายขีดล่างไม่เกิน 10 ตัว
+
ข้อมูลนำเข้ามีเพียงบรรทัดเดียว และในบรรทัดนั้นมีสตริงของตัวอักษรความยาวไม่เกิน 100 ตัวอักษร สตริงนี้จะประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่และเครื่องหมายขีดล่าง '_' เท่านั้น และจะมีเครื่องหมายขีดล่างไม่เกิน 10 ตัว
  
 
=== ข้อมูลส่งออก ===
 
=== ข้อมูลส่งออก ===
แถว 28: แถว 28:
  
 
== GENIJALAC ==
 
== GENIJALAC ==
Mirko เป็นอัจฉริยะ แต่เป้าหมายของสิ่งประดิษฐ์ของเขานั้นบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน  สิ่งประดิษฐ์ล่าสุดของเขาคือเครื่อง Shuffle-o-matic 3175 ก็เป็นเช่นนั้น  เครื่อง Shuffle-o-matic ถูกนำไปใช้อย่างพิเศษ  เริ่มต้น Mirko วานการ์ดกระดาษ N แผ่นที่มีหมายเลข 1 ถึง N พิมพ์อยู่บนพื้นที่ทำงานของเครื่อง Shuffle-o-matic  จากนั้นเขาป้อนลำดับการสลับ (shuffle sequence) เข้าสู่เครื่องผ่านทางหน้าจอป้อนข้อมูลเข้าและกดปุ่มเริ่มทำงาน  เครื่องจักรก็จะอ่านการ์ดเปล่านั้นและพิมพ์ลำดับของจำนวนที่อ่านเข้าไปออกทางเทปผลลัพธ์  จากนั้นเครื่องจะสลับการ์ดตามลำดับการสลับ (shuffle sequence)  หลังจากนั้นเครื่องจากอ่านลำดับใหม่ที่ได้และเขียนผลลัพธ์ออกทางบรรทัดใหม่ที่เทปผลลัพธ์  เครื่องจะดำเนินการสลับการ์ดอีกครั้ง'''โดยใช้ลำดับการสลับเดิม''', อ่านการ์ด, และพิมพ์ผลลัพธ์ออกทางเทป  เครื่องจักรจะทำงานไปเรื่อย ๆ จนกว่าเทปจะหมด
+
Mirko เป็นอัจฉริยะ แต่เป้าหมายของสิ่งประดิษฐ์ของเขานั้นบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน  สิ่งประดิษฐ์ล่าสุดของเขาคือเครื่อง Shuffle-o-matic 3175 ก็เป็นเช่นนั้น  เครื่อง Shuffle-o-matic ถูกนำไปใช้อย่างพิเศษ  เริ่มต้น Mirko วางการ์ดกระดาษ N แผ่นที่มีหมายเลข 1 ถึง N พิมพ์อยู่บนพื้นที่ทำงานของเครื่อง Shuffle-o-matic  จากนั้นเขาป้อนลำดับการสลับ (shuffle sequence) เข้าสู่เครื่องผ่านทางหน้าจอป้อนข้อมูลเข้าและกดปุ่มเริ่มทำงาน  เครื่องจักรก็จะอ่านการ์ดเปล่านั้นและพิมพ์ลำดับของจำนวนที่อ่านเข้าไปออกทางเทปผลลัพธ์  จากนั้นเครื่องจะสลับการ์ดตามลำดับการสลับ (shuffle sequence)  หลังจากนั้นเครื่องจากอ่านลำดับใหม่ที่ได้และเขียนผลลัพธ์ออกทางบรรทัดใหม่ที่เทปผลลัพธ์  เครื่องจะดำเนินการสลับการ์ดอีกครั้ง'''โดยใช้ลำดับการสลับเดิม''', อ่านการ์ด, และพิมพ์ผลลัพธ์ออกทางเทป  เครื่องจักรจะทำงานไปเรื่อย ๆ จนกว่าเทปจะหมด
  
 
หลังจากได้ทดลองกับเครื่องไปแล้ว Mirko ได้ตกลงใจว่าจะนอนพักสักพักที่บนพื้น  จากที่ตรงนั้นเขาสังเกตเห็นชิ้นของเทปผลลัพธ์ ชิ้นผลลัพธ์นั้นถูกตัดอย่างพอดิบพอดีก่อนบรรทัดที่ '''A''' และหลังบรรทัดที่ '''B''' นอกจากนั้นยังขาดจำนวนไป '''C''' จำนวนในตอนต้น และขาดอีก '''D''' จำนวน ในแต่ละบรรทัด
 
หลังจากได้ทดลองกับเครื่องไปแล้ว Mirko ได้ตกลงใจว่าจะนอนพักสักพักที่บนพื้น  จากที่ตรงนั้นเขาสังเกตเห็นชิ้นของเทปผลลัพธ์ ชิ้นผลลัพธ์นั้นถูกตัดอย่างพอดิบพอดีก่อนบรรทัดที่ '''A''' และหลังบรรทัดที่ '''B''' นอกจากนั้นยังขาดจำนวนไป '''C''' จำนวนในตอนต้น และขาดอีก '''D''' จำนวน ในแต่ละบรรทัด
แถว 38: แถว 38:
 
'''500 000''', '''A''' ≤ '''B''' ≤ '''10^12''', '''0''' ≤ '''C''', '''D''' ≤ '''N''', '''C''' + '''D''' < '''N''').
 
'''500 000''', '''A''' ≤ '''B''' ≤ '''10^12''', '''0''' ≤ '''C''', '''D''' ≤ '''N''', '''C''' + '''D''' < '''N''').
  
บรรทัดที่สองระบุลำดับการสลับ (shuffle sequence) ลำดับดังกล่าวระบุเป็นการเรียงสับเปลี่ยน (permutation) ของจำนวนเต็มตั้งแต่ '''1''' ถึง '''N'''  ถ้าจำนวนที่ '''k''' มีค่าเท่ากับ '''x''' หลังการสลับทุกครั้ง จำนวนที่ '''k'' ในลำดับผลลัพธ์จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่ '''x''' ในลำดับตั้งต้น
+
บรรทัดที่สองระบุลำดับการสลับ (shuffle sequence) ลำดับดังกล่าวระบุเป็นการเรียงสับเปลี่ยน (permutation) ของจำนวนเต็มตั้งแต่ '''1''' ถึง '''N'''  ถ้าจำนวนที่ '''k''' มีค่าเท่ากับ '''x''' หลังการสลับทุกครั้ง จำนวนที่ '''k''' ในลำดับผลลัพธ์จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่ '''x''' ในลำดับตั้งต้น
  
 
== ALADIN ==
 
== ALADIN ==
วันหนึ่ง ขณะที่อลาดินกำลังเดินอยู่ เขาเจอสิ่งที่แปลกที่สุดที่เคยเจอมา เขาเห็นกล่องว่าง '''N''' กล่องวางอยู่ข้างๆ เครื่องจักรต่างด้าวเครื่องหนึ่ง หลังจากอลาดินสำรวจเครื่องจักรนั้นพักหนึ่ง เขาก็สามารถใช้เครื่องจักรได้่ เขาพบว่าเครื่องจักรนั้นรับจำนวนเต็มสี่ตัว '''L''', '''R''', '''A''', และ '''B'''  และหลังจากที่เขากดปุ่มเรืองแสงสีแดงที่มีข้อความเขียนไว้ว่า "NEDIRAJ" แล้ว เครื่องจักรก็จะเริ่มทำงานเป็นบ้าเป็นหลังตามขั้นตอนต่อไปนี้
+
วันหนึ่ง ขณะที่อลาดินกำลังเดินอยู่ เขาเจอสิ่งที่แปลกที่สุดที่เคยเจอมา เขาเห็นกล่องว่าง '''N''' กล่องวางอยู่ข้างๆ เครื่องจักรต่างด้าวเครื่องหนึ่ง หลังจากอลาดินสำรวจเครื่องจักรนั้นพักหนึ่ง เขาก็สามารถใช้เครื่องจักรได้ เขาพบว่าเครื่องจักรนั้นรับจำนวนเต็มสี่ตัว '''L''', '''R''', '''A''', และ '''B'''  และหลังจากที่เขากดปุ่มเรืองแสงสีแดงที่มีข้อความเขียนไว้ว่า "NEDIRAJ" แล้ว เครื่องจักรก็จะเริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่ง ตามขั้นตอนต่อไปนี้
  
 
* มันทำให้กล่องหมายเลข '''L''' มีก้อนหินอยู่ '''A''' mod '''B''' ก้อน
 
* มันทำให้กล่องหมายเลข '''L''' มีก้อนหินอยู่ '''A''' mod '''B''' ก้อน
 
* จากนั้นมันจึงบินไปที่กล่องหมายเลข '''L'''+1 และทำให้กล่องนั้นมีก้อนหินอยู่ (2*'''A''') mod '''B'''
 
* จากนั้นมันจึงบินไปที่กล่องหมายเลข '''L'''+1 และทำให้กล่องนั้นมีก้อนหินอยู่ (2*'''A''') mod '''B'''
* จากนั้นมันจึงบินไปที่กล่องหมายเลข '''L'''+/ และทำให้กล่องนั้นมีก้อนหินอยู่ (3*'''B''') mod '''B'''
+
* จากนั้นมันจึงบินไปที่กล่องหมายเลข '''L'''+2 และทำให้กล่องนั้นมีก้อนหินอยู่ (3*'''A''') mod '''B'''
* โดยทั่วไปแล้ว มันจะบินไปยังกล่องทุกกล่องที่มีหลายเลขอยู่ระหว่าง '''L''' และ '''R''' และทำให้กล่องนั้นมีหินปรากฎอยู่เป็นจำนวนเท่ากับ (('''X''' - '''L''' + 1) * '''A''') mod '''B''' เมื่อ '''X''' เป็นหมายเลขของกล่อง
+
* โดยทั่วไปแล้ว มันจะบินไปยังกล่องทุกกล่องที่มีหมายเลขอยู่ระหว่าง '''L''' และ '''R''' และทำให้กล่องนั้นมีหินปรากฎอยู่เป็นจำนวนเท่ากับ (('''X''' - '''L''' + 1) * '''A''') mod '''B''' เมื่อ '''X''' เป็นหมายเลขของกล่อง
 
* หลังจากทำงานที่กล่องหมายเลข '''R''' เสร็จแล้ว มันจะหยุดการทำงานและรอคอยคำสั่งต่อไป
 
* หลังจากทำงานที่กล่องหมายเลข '''R''' เสร็จแล้ว มันจะหยุดการทำงานและรอคอยคำสั่งต่อไป
  
แถว 54: แถว 54:
  
 
=== ข้อมูลนำเข้า ===
 
=== ข้อมูลนำเข้า ===
บรรทัดแรกมีจำนนวนเต็ม N และ Q (1 <= N <= 1,000,000,000) และ (1 <= Q <= 50,000) ซึ่งแสดงจำนวนกล่องและจำนวนคำถาม ตามลำดับ
+
บรรทัดแรกมีจำนวนเต็ม N และ Q (1 <= N <= 1,000,000,000) และ (1 <= Q <= 50,000) ซึ่งแสดงจำนวนกล่องและจำนวนคำถาม ตามลำดับ
  
 
หลังจากนั้น Q บรรทัดจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการจำลองการทำงานของเครื่องจักรนั้น
 
หลังจากนั้น Q บรรทัดจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการจำลองการทำงานของเครื่องจักรนั้น
แถว 60: แถว 60:
 
ถ้าหากบรรทัดใดในบรรทัด Q บรรทัดนี้เริ่มต้นด้วยเลข 1 มันจะมีรูปแบบ "1 L R A B" (1 <= L <= R <= N) (1 <= A, B <= 1,000,000) ซึ่งมีความหมายว่าอลาดินใส่เลข L, R, A, B แล้วกดปุ่มเพื่อสั่งให้เครื่องจักรเริ่มทำงาน
 
ถ้าหากบรรทัดใดในบรรทัด Q บรรทัดนี้เริ่มต้นด้วยเลข 1 มันจะมีรูปแบบ "1 L R A B" (1 <= L <= R <= N) (1 <= A, B <= 1,000,000) ซึ่งมีความหมายว่าอลาดินใส่เลข L, R, A, B แล้วกดปุ่มเพื่อสั่งให้เครื่องจักรเริ่มทำงาน
  
แต่ถ้าหากบรรทัดใดในบรรทัด Q บรรทัดนี้เริ่มต้นด้วยเลข 2 มันจะมีรูปแบบ "2 L R" (1 <= L <= R <= N) หมายความว่าอลาดินต้องการทราบว่ามีหินอยู่จำนวนเท่าไหรในกล่องตั้งแต่หมายเลข L ถึง R (รวมขอบด้วย)
+
แต่ถ้าหากบรรทัดใดในบรรทัด Q บรรทัดนี้เริ่มต้นด้วยเลข 2 มันจะมีรูปแบบ "2 L R" (1 <= L <= R <= N) หมายความว่าอลาดินต้องการทราบว่ามีหินอยู่จำนวนเท่าไหร่ในกล่องตั้งแต่หมายเลข L ถึง R (รวมขอบด้วย)
  
 
=== ข้อมูลส่งออก ===
 
=== ข้อมูลส่งออก ===
สำหรับคำถามที่ขึ้นต้นด้วย 2 ให้พิมพ์คำตอบของคำถามนั้นในบรรทัดบรรทัดหนึ่ง คำตอบของคำถามจะต้องเรียงตามลำดับที่คำถามปรากฎในข้อมุลนำเข้าง
+
สำหรับคำถามที่ขึ้นต้นด้วย 2 ให้พิมพ์คำตอบของคำถามนั้นในบรรทัดบรรทัดหนึ่ง คำตอบของคำถามจะต้องเรียงตามลำดับที่คำถามปรากฏในข้อมูลนำเข้า
  
 
=== การให้คะแนน ===
 
=== การให้คะแนน ===

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 17:06, 24 ตุลาคม 2552

หน้านี้แสดงข้อสอบ coci วันที่ 24 ต.ค. 52 ฉบับแปล

domino

โดมิโนเป็นชิ้นส่วนสำหรับเกมหลาย ๆ เกม แต่ละชิ้นโดมิโนจะมีเครื่องหมายสองอัน แต่ละเครื่องหมายจะมีจุดหลาย ๆ จุด (อาจมี 0 จุดได้) จำนวนจุดขึ้นกับขนาดของเซต (set size) แต่ละเครื่องหมายในชิ้นโดมิโนในเซตขนาด N จะมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง N ชิ้นโดมิโนสองชิ้นจะถือว่าเหมือนกันถ้ามีจำนวนจุดเท่ากัน (โดยไม่ขึ้นกับว่าจะอ่านจากทางใด) เช่น ชิ้นที่มีจุด 2 และ 8 จุด จะเหมือนกับชิ้นที่มี 8 และ 2 จุด ชุดโดมิโนที่ถูกต้องจะไม่มีโดมิโนซ้ำกัน เซตโดมิโน ที่สมบูรณ์ ที่มีขนาด N จะมีชิ้นส่วนทั้งหมดที่มีจุด N จุดหรือน้อยกว่านั้น โดยไม่มีชิ้นที่ซ้ำ

เขียนโปรแกรมที่คำนวณจำนวนจุดรวมบนชิ้นโดมิโนในเซตโดมิโนที่สมบูรณ์ที่มีขนาด N

dobra

Lea เจอคำมากมายในชีวิตของเธอ และเธอไม่พึงใจคำจำนวนมาก เพื่อลดความไม่พึงใจนี้ เธอจึงเริ่มสร้างคำที่เธอพึงใจ Lea สร้างคำใหม่โดยเริ่มจากการเขียนสตริงของตัวอักษรบนกระดาษ หลังจากนั้นเธอจะลบตัวอักษรกลุ่มที่น่าเกลียดที่สุดออกไปแล้วแทนพวกมันแต่ละตัวด้วยเครื่องหมายขีดล่าง (underscore: '_') หลังจากนั้นเธอจะพยายามเปลี่ยนเครื่องหมายขีดล่างเป็นตัวอักษรที่เธอยอมรับมากกว่าเพื่อทำให้คำนั้นพึงใจเธอ

Lea จะพึงใจคำคำหนึ่ง ถ้าหากว่าคำนั้นไม่มีสระ 3 ตัวติดกัน และไม่มีพยัญชนะ 3 ตัวติดกัน และมีตัวอักษร L อย่างน้อยหนึ่งตัว

สระภาษาโครเอเชียคือตัวอักษร A, E, I, O, U เท่านั้น ตัวอักษรอื่นๆ เป็นพยัญชนะทั้งหมด

ข้อมูลนำเข้า

ข้อมูลนำเข้ามีเพียงบรรทัดเดียว และในบรรทัดนั้นมีสตริงของตัวอักษรความยาวไม่เกิน 100 ตัวอักษร สตริงนี้จะประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่และเครื่องหมายขีดล่าง '_' เท่านั้น และจะมีเครื่องหมายขีดล่างไม่เกิน 10 ตัว

ข้อมูลส่งออก

ข้อมูลส่งออกมีเพียงบรรทัดเดียว และในบรรทัดนั้นจะมีจำนวนเต็มเพียงหนึ่งตัว ซึ่งมีค่าเท่ากับจำนวนคำที่ Lea พีงใจที่สามารถสร้างได้จากการแทนเครื่องหมายขีดล่างในสตริงในข้อมูลนำเข้าด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่

คำเตือน: ใช้เลข 64 บิตเพื่อทำคำตอบ กล่าวคือใช้ long long ในภาษา C/C++ และใช้ int64 ในภาษาปาสกาล

MALI

Mirko และ Slavko กำลังเล่นเกมใหม่กันอยู่ เช่นเคย Slavko เริ่มเกมแต่ละรอบโดยให้จำนวนสองจำนวน A และ B กับ Mirko โดยจำนวนทั้งสองมีค่าน้อยกว่า 100. Mirko จะต้องแก้ปัญหาต่อไปนี้ให้กับ Slavko: จะจับคู่บรรดาจำนวน A ทั้งหมดที่ได้รับมากับบรรดาจำนวน B ทั้งหมดที่ได้รับมาอย่างไร ให้ผลรวมที่มากที่สุดของคู่ทั้งหลายที่จับนั้น มีค่าน้อยที่สุด

กล่าวคือ ถ้าในรอบทั้งหมดก่อนหน้านั้น Slavko ให้จำนวน a1, a2, a3 .... an และ b1, b2, b3 ... bn, ให้หาวิธีการจับคู่ n คู่ (ai, bj) ที่แต่ละจำนวนในลำดับ A ถูกใช้ในหนึ่งคู่พอดี และแต่ละจำนวนในลำดับ B ถูกใช้ในหนึ่งคู่พอดี และ ค่ามากที่สุดของผลรวม ai + bj ในทุกคู่ มีค่าน้อยที่สุด

GENIJALAC

Mirko เป็นอัจฉริยะ แต่เป้าหมายของสิ่งประดิษฐ์ของเขานั้นบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน สิ่งประดิษฐ์ล่าสุดของเขาคือเครื่อง Shuffle-o-matic 3175 ก็เป็นเช่นนั้น เครื่อง Shuffle-o-matic ถูกนำไปใช้อย่างพิเศษ เริ่มต้น Mirko วางการ์ดกระดาษ N แผ่นที่มีหมายเลข 1 ถึง N พิมพ์อยู่บนพื้นที่ทำงานของเครื่อง Shuffle-o-matic จากนั้นเขาป้อนลำดับการสลับ (shuffle sequence) เข้าสู่เครื่องผ่านทางหน้าจอป้อนข้อมูลเข้าและกดปุ่มเริ่มทำงาน เครื่องจักรก็จะอ่านการ์ดเปล่านั้นและพิมพ์ลำดับของจำนวนที่อ่านเข้าไปออกทางเทปผลลัพธ์ จากนั้นเครื่องจะสลับการ์ดตามลำดับการสลับ (shuffle sequence) หลังจากนั้นเครื่องจากอ่านลำดับใหม่ที่ได้และเขียนผลลัพธ์ออกทางบรรทัดใหม่ที่เทปผลลัพธ์ เครื่องจะดำเนินการสลับการ์ดอีกครั้งโดยใช้ลำดับการสลับเดิม, อ่านการ์ด, และพิมพ์ผลลัพธ์ออกทางเทป เครื่องจักรจะทำงานไปเรื่อย ๆ จนกว่าเทปจะหมด

หลังจากได้ทดลองกับเครื่องไปแล้ว Mirko ได้ตกลงใจว่าจะนอนพักสักพักที่บนพื้น จากที่ตรงนั้นเขาสังเกตเห็นชิ้นของเทปผลลัพธ์ ชิ้นผลลัพธ์นั้นถูกตัดอย่างพอดิบพอดีก่อนบรรทัดที่ A และหลังบรรทัดที่ B นอกจากนั้นยังขาดจำนวนไป C จำนวนในตอนต้น และขาดอีก D จำนวน ในแต่ละบรรทัด

เขาสงสัยว่ามีกี่บรรทัดในชิ้นส่วนผลลัพธ์นั้นที่มีคุณสมบัติที่ว่า ทุก ๆ จำนวนในแถวนั้นที่อยู่บนกระดาษชิ้นนั้น อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่อยู่ก่อนการสลับจะเริ่มต้น

ข้อมูลนำเข้า

บรรทัดแรกระบุจำนวนเต็ม N, A, B, C, และ D ในลำดับดังกล่าว (1 ≤ N500 000, AB10^12, 0C, DN, C + D < N).

บรรทัดที่สองระบุลำดับการสลับ (shuffle sequence) ลำดับดังกล่าวระบุเป็นการเรียงสับเปลี่ยน (permutation) ของจำนวนเต็มตั้งแต่ 1 ถึง N ถ้าจำนวนที่ k มีค่าเท่ากับ x หลังการสลับทุกครั้ง จำนวนที่ k ในลำดับผลลัพธ์จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่ x ในลำดับตั้งต้น

ALADIN

วันหนึ่ง ขณะที่อลาดินกำลังเดินอยู่ เขาเจอสิ่งที่แปลกที่สุดที่เคยเจอมา เขาเห็นกล่องว่าง N กล่องวางอยู่ข้างๆ เครื่องจักรต่างด้าวเครื่องหนึ่ง หลังจากอลาดินสำรวจเครื่องจักรนั้นพักหนึ่ง เขาก็สามารถใช้เครื่องจักรได้ เขาพบว่าเครื่องจักรนั้นรับจำนวนเต็มสี่ตัว L, R, A, และ B และหลังจากที่เขากดปุ่มเรืองแสงสีแดงที่มีข้อความเขียนไว้ว่า "NEDIRAJ" แล้ว เครื่องจักรก็จะเริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่ง ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • มันทำให้กล่องหมายเลข L มีก้อนหินอยู่ A mod B ก้อน
  • จากนั้นมันจึงบินไปที่กล่องหมายเลข L+1 และทำให้กล่องนั้นมีก้อนหินอยู่ (2*A) mod B
  • จากนั้นมันจึงบินไปที่กล่องหมายเลข L+2 และทำให้กล่องนั้นมีก้อนหินอยู่ (3*A) mod B
  • โดยทั่วไปแล้ว มันจะบินไปยังกล่องทุกกล่องที่มีหมายเลขอยู่ระหว่าง L และ R และทำให้กล่องนั้นมีหินปรากฎอยู่เป็นจำนวนเท่ากับ ((X - L + 1) * A) mod B เมื่อ X เป็นหมายเลขของกล่อง
  • หลังจากทำงานที่กล่องหมายเลข R เสร็จแล้ว มันจะหยุดการทำงานและรอคอยคำสั่งต่อไป

ระหว่างที่กำลังเล่นกับเครื่องจักรนี้อยู่ อลาดินสงสัยว่าในกล่องที่อยู่ติดกันกลุ่มหนึ่งมีหินอยู่จำนวนทั้งหมดเท่าใด?

จงเขียนโปรแกรมเพื่อจำลองการทำงานของเครื่องจักรและตอบคำถามของอลาดิน

ข้อมูลนำเข้า

บรรทัดแรกมีจำนวนเต็ม N และ Q (1 <= N <= 1,000,000,000) และ (1 <= Q <= 50,000) ซึ่งแสดงจำนวนกล่องและจำนวนคำถาม ตามลำดับ

หลังจากนั้น Q บรรทัดจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการจำลองการทำงานของเครื่องจักรนั้น

ถ้าหากบรรทัดใดในบรรทัด Q บรรทัดนี้เริ่มต้นด้วยเลข 1 มันจะมีรูปแบบ "1 L R A B" (1 <= L <= R <= N) (1 <= A, B <= 1,000,000) ซึ่งมีความหมายว่าอลาดินใส่เลข L, R, A, B แล้วกดปุ่มเพื่อสั่งให้เครื่องจักรเริ่มทำงาน

แต่ถ้าหากบรรทัดใดในบรรทัด Q บรรทัดนี้เริ่มต้นด้วยเลข 2 มันจะมีรูปแบบ "2 L R" (1 <= L <= R <= N) หมายความว่าอลาดินต้องการทราบว่ามีหินอยู่จำนวนเท่าไหร่ในกล่องตั้งแต่หมายเลข L ถึง R (รวมขอบด้วย)

ข้อมูลส่งออก

สำหรับคำถามที่ขึ้นต้นด้วย 2 ให้พิมพ์คำตอบของคำถามนั้นในบรรทัดบรรทัดหนึ่ง คำตอบของคำถามจะต้องเรียงตามลำดับที่คำถามปรากฏในข้อมูลนำเข้า

การให้คะแนน

ในข้อมูลทดสอบที่มีค่า 30% ของคะแนนทั้งหมด N และ Q จะมีค่าไม่เกิน 1,000

ในข้อมูลทดสอบที่มีค่า 70% ของคะแนนทั้งหมด Q จะมีค่าไม่เกิน 1,000

ดึงข้อมูลจาก "http://158.108.32.49/wiki/index.php?title=Coci&oldid=7989"