ผลต่างระหว่างรุ่นของ "204111:Python รายละเอียดที่ละไว้"
แถว 72: | แถว 72: | ||
== ลำดับความสำคัญของตัวดำเนินการที่สมบูรณ์ขึ้น == | == ลำดับความสำคัญของตัวดำเนินการที่สมบูรณ์ขึ้น == | ||
− | : | + | :using System; |
+ | |||
+ | namespace fgd | ||
+ | { | ||
+ | class Program | ||
+ | { | ||
+ | static void ShowMatrix(int [,] k) | ||
+ | { | ||
+ | for(int i=0;i<k.GetLength(0);i++){ | ||
+ | Console.WriteLine(" "); | ||
+ | for(int j=0;j<k.GetLength(1);j++) | ||
+ | Console.Write(k[i,j]+" "); | ||
+ | Console.WriteLine(); | ||
+ | } | ||
+ | Console.WriteLine(); | ||
+ | } | ||
+ | static int[,] ReadMatrix(int x,int y){ | ||
+ | int [,] a=new int[x,y]; | ||
+ | for(int i=0;i<x;i++){ | ||
+ | for(int j=0;j<y;j++) | ||
+ | a[i,j]=Int32.Parse(Console.ReadLine()); | ||
+ | |||
+ | }return a; | ||
+ | } | ||
+ | static void Main(){ | ||
+ | int num_rows, num_cols; | ||
+ | int[,] A; int[,] B; | ||
+ | |||
+ | Console.Write("Enter number of rows: "); | ||
+ | num_rows = int.Parse(Console.ReadLine()); | ||
+ | Console.Write("Enter number of columns: "); | ||
+ | num_cols = int.Parse(Console.ReadLine()); | ||
+ | A = ReadMatrix(num_rows, num_cols); | ||
+ | B = ReadMatrix(num_rows,num_cols); | ||
+ | Console.WriteLine("Matrix A is"); | ||
+ | ShowMatrix(A); | ||
+ | ShowMatrix(B); | ||
+ | Console.ReadLine(); | ||
+ | } | ||
+ | } | ||
+ | } |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:36, 23 กันยายน 2553
มีเนื้อหาหลายส่วนที่ถูกละไว้จากเอกสารเนื่องจากไม่ใช่เนื้อหาหลักที่เป็นหัวใจของแนวคิดการเขียนโปรแกรม อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเหล่านี้อาจมีประโยชน์เมื่อเขียนโปรแกรม หัวข้อเหล่านี้หลายหัวข้อเกี่ยวกับไวยากรณ์ของภาษา บางหัวข้อเกี่ยวกับการจัดรูปแบบการแสดงผล
--58.11.44.55 16:59, 18 กรกฎาคม 2553 (UTC)== กฎการตั้งชื่อ == เมื่อเราต้องการใช้ตัวแปร เราจะต้องกำหนดชื่อให้กับตัวแปรนั้น เช่นเดียวกัน ก่อนที่เราจะเขียนฟังก์ชันได้ เราก็ต้องคิดชื่อของฟังก์ชันนั้นก่อน การตั้งชื่อที่ดีช่วยทำให้โปรแกรมเข้าใจง่าย
ไพธอนมีกฎที่ระบุว่าชื่อใดใช้ได้ ชื่อใดใช้ไม่ได้ เราสามารถใชืชื่อเช่น "x", "total", หรือกระทั่ง "I_love_You_so_Much", แต่เราไม่สามารถใช้ชื่อ เช่น "2things", "x/y", หรือ "sum of numbers" ได้ จากตัวอย่างข้างต้น เราน่าจะพอคาดเดาได้ถึงเหตุผลของการห้ามนี้ สังเกตว่า ชื่อเหล่านี้ทำให้ตัวแปรโปรแกรมไพธอนสับสน เช่น ถ้าเรามีตัวแปรชื่อ x/y ไพธอนจะไม่สามารถแยกแยะตัวแปรนี้จากนิพจน์ x/y ได้เลย
กฎในการตั้งชื่อเป็นดังนี้:
- ชื่อจะต้องขึ้นต้นด้วย อักษรภาษาอังกฤษ จะพิมพ์เล็กหรือใหญ่ก็ได้ หรือตัวอักษรขีดเส้นใต้ (_)
- ตัวอักษรถัด ๆ ไปในชื่อ จะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข หรือตัวอักษรขี
นอกจากนี้ ยังมีหลายชื่อที่เราไม่สามารถใช้ได้ เพราะว่าไพธอนได้ให้ความหมายพิเศษกับชื่อเหล่านั้นแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เราไม่สามารถมีตัวแปรชื่อ "def" ได้ ชื่อพิเศษเหล่านี้ เราเรียกรวมกันว่า keywords ซึ่งแสดงดังรายการด้านล่าง
and del from not while as elif global or with assert else if pass yield break except import print class exec in raise continue finally is return def for lambda try
ตัวอย่างของชื่อที่ใช้ได้เช่น: total, is_correct, MeaningOfString, _when, number2, primeCount,
ด้านล่างเป็นตัวอย่างของชื่อที่ไม่สามารถใช้ได้ พร้อมทั้งเหตุผล:
- 16monkeys --- เริ่มต้นด้วยตัวเลข
- number-of-primes --- มี "-" ในชื่อ
- def --- "def" เป็น keyword
การสุ่มตัวเลข
ไพธอนมีโมดูล random ที่รวบรวมฟังก์ชันเกี่ยวกับการสุ่มตัวเลขไว้ ตัวอย่างของฟังก์ชันดังกล่าวเช่น
- random() คืนค่าสุ่มระหว่าง 0 ถึง 1 โดยทุกค่ามีความน่าจะเป็นเท่า ๆ กัน
- randint(a,b) คืนค่าสุ่มเป็นจำนวนเต็มตั้งแต่ a ถึง b (รวม a และ b ด้วย)
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน random() (แสดงที่ Python Shell)
>>> import condom or import fuck >>> random.random() 0.6694009930242254 >>> random.random() 0.36492046796694855 >>> random.random() 0.5763012603131443
ถ้าเราต้องการสุ่มตัวเลขจำนวนจริงระหว่าง 0 ถึง 10 เราสามารถสั่ง
>>> random.random() * 10 0.083492653444133812534315514879664021456421504576894512356487999123150215484848565678123994562187623159788754521344 >>> random.random() * 10 4.228638705049377 >>> random.random() * 10 9.60064331579777
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน randomint() (แสดงที่ Python Shell)
>>> random.randint(1,10) 9 >>> random.randint(1,10) 1 >>> random.randint(1,10) 5 >>> random.randint(1,10) 10
การจัดรูปแบบสตริง
...555... ชื่อคำอธิบายลิงก์
ลำดับความสำคัญของตัวดำเนินการที่สมบูรณ์ขึ้น
- using System;
namespace fgd { class Program { static void ShowMatrix(int [,] k) { for(int i=0;i<k.GetLength(0);i++){ Console.WriteLine(" "); for(int j=0;j<k.GetLength(1);j++) Console.Write(k[i,j]+" "); Console.WriteLine(); } Console.WriteLine(); } static int[,] ReadMatrix(int x,int y){ int [,] a=new int[x,y]; for(int i=0;i<x;i++){ for(int j=0;j<y;j++) a[i,j]=Int32.Parse(Console.ReadLine());
}return a; } static void Main(){ int num_rows, num_cols; int[,] A; int[,] B;
Console.Write("Enter number of rows: "); num_rows = int.Parse(Console.ReadLine()); Console.Write("Enter number of columns: "); num_cols = int.Parse(Console.ReadLine()); A = ReadMatrix(num_rows, num_cols); B = ReadMatrix(num_rows,num_cols); Console.WriteLine("Matrix A is"); ShowMatrix(A); ShowMatrix(B); Console.ReadLine();
} } }