ผลต่างระหว่างรุ่นของ "204512/บรรยาย 9"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
แถว 1: แถว 1:
 
[[Dynamic Programming]]
 
[[Dynamic Programming]]
 +
 
สมมุติต้องการเดินทางจากบ้าน ดช. ก ไปบ้าน ดญ. ข  ระหว่างบ้าน ดช. ก กะ ดญ. ข ก็มีถนนตัดกันไปเรื่อยๆ  
 
สมมุติต้องการเดินทางจากบ้าน ดช. ก ไปบ้าน ดญ. ข  ระหว่างบ้าน ดช. ก กะ ดญ. ข ก็มีถนนตัดกันไปเรื่อยๆ  
 
คำถามคือ จากบ้าน ดช. ก ไปยังบ้าน ดญ.ข สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางต่างกันได้กี่แบบ
 
คำถามคือ จากบ้าน ดช. ก ไปยังบ้าน ดญ.ข สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางต่างกันได้กี่แบบ
 +
 
[[ภาพ:DP1.jpg]]
 
[[ภาพ:DP1.jpg]]
  
แถว 41: แถว 43:
 
เราหา shortest path อย่างไร จาก st
 
เราหา shortest path อย่างไร จาก st
 
t อาจมีตัวติดกันมากมาย shortest path ที่มาจาก ts ได้
 
t อาจมีตัวติดกันมากมาย shortest path ที่มาจาก ts ได้
ถ้ามีนผ่าน v1, v2, v3 พวกนี้ต้องเป็น shortest path ด้วยเช่นเดียวกัน
+
ถ้ามีนผ่าน <math>v_1</math>, <math>v_2</math>, <math>v_3</math> พวกนี้ต้องเป็น shortest path ด้วยเช่นเดียวกัน
  
 
ถ้ามองแบบ recursive เราจะค่อยคลี่ออกแล้วมองปัญหาย่อยๆ
 
ถ้ามองแบบ recursive เราจะค่อยคลี่ออกแล้วมองปัญหาย่อยๆ

รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:14, 15 สิงหาคม 2550

Dynamic Programming

สมมุติต้องการเดินทางจากบ้าน ดช. ก ไปบ้าน ดญ. ข ระหว่างบ้าน ดช. ก กะ ดญ. ข ก็มีถนนตัดกันไปเรื่อยๆ คำถามคือ จากบ้าน ดช. ก ไปยังบ้าน ดญ.ข สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางต่างกันได้กี่แบบ

DP1.jpg

หรือ C(m,n) = C(m-1, n) + C(m,n-1) C(0,0) เลือกได้ 1 วิธี C(x,y) = 0 ถ้า x<0 หรือ y<0

ในกรณีที่มีการ block เส้นทาง เราอาจจะเขียน pseudo code ได้ ให้ recursive ไปที่จุดที่ col-1, row-1 ไปเรื่อยๆ วิธีหนึ่งที่ใช้หาเส้นทาง DP2.jpg

วิธีนี้เราจะทำการมองไปที่ทุกจุด โดยค่าที่แต่ละจุดเกิดจากผลรวมน้ำหนักของโหนดก่อนหน้า ดังนั้นวิธีนี้ใช้เวลาเป็น O(mn) Dynamic programming คือการคำนวนมาก่อนเพื่อหาผลเฉลย

Example Function revolenchy F(0) = F(1) = 1 F(1) = F(i-1) + F(i-2) เมื่อ i>1

สังเกตว่ามันมีกรณีซ้ำซ้อนเกิดขึ้น F[0]F[1]1 For i=2 to n do F[i]F[i-1] + F[i-2] Return F[n] นั่นคือ ถ้าอยากรู้ f(i) ต้องรู้ f(i-1), f(i-2) DP3.jpg


Shortest path บน DAG (Directed Acyclic Graph)

เราหา shortest path อย่างไร จาก st t อาจมีตัวติดกันมากมาย shortest path ที่มาจาก ts ได้ ถ้ามีนผ่าน , , พวกนี้ต้องเป็น shortest path ด้วยเช่นเดียวกัน

ถ้ามองแบบ recursive เราจะค่อยคลี่ออกแล้วมองปัญหาย่อยๆ

DP4.jpg


เราสามารถหาโดยไม่ต้องทำ recursive ก็ได้ โดยเรา evaluate ไปในทิศทางที่ขึ้นต่อกันเรื่อยๆ evaluate ด้วยลำดับที่เราเรียกว่า tropical order ถ้าเรียงลำดับตาม tolopical order (คือเป็น order ที่ edge ชี้จากโหนดน้อยมาก) S = , , , , … ,

Foreach vi, D(v1)  infinity D(v0)  0 For I = 1,…,n: D(vi) = min [D(Vj) + l(vj,vi)]

                     Vj: (Vj, Vi) E E

ขั้นตอนการแก้ปัญหา dynamic programming 1. เขียน recurrence (เริ่มต้นนิยามปัญหาย่อย) 2. หาลำดับเพื่อ evaluate 3. เขียน pseudo code


Example

ถ้าเรามีเหรียญ 3, 5 บาท เราจะประกอบเหรียญให้เป็นเงินจำนวนไม่เกิน 100 บาท ได้กี่วิธี (ใช้เหรียญกี่เหรียญก็ได้)

เราอาจจะ plot เป็นตารางดังนี้

ตารางนี้เราทำการเก็บว่า ค่าไหนที่เกิดจากผลรวมของตัวมันบ้าง ซึ่งอาจจะให้ผลดีขึ้นถ้าเราเก็บด้วยว่าเราใช้เหรียญไปกี่เหรียญ

Example P(i) แทนจำนวนเหรียญที่เราใช้แล้วรวมกันได้ i บาท

P(i) = min P(i-1) + 1

               P(i-3) + 1 if i-3 >= 0
               P(i-4) + 1    i-4 >= 0

ตัวอย่างนี้เราสามารถหาเหรียญที่ใช้น้อยที่สุดได้ ถ้าถามต่ออีกว่า เราจะรู้ได้หรือไม่ ว่าใช้เหรียญอะไรไปบ้าง? วิธีการคือ เราจะเก็บ pointer ไว้ เพื่อดูว่าค่าผลรวมได้มาจากการรวมเหรียญไหนไปบ้าง


Example

มีถุงความจุเป็น L หน่วย มีสินค้า k ประเภท ประเภทที่ i, มีน้ำหนัก wi หน่วย มีมูลค่า vi หน่วย

ให้หาสินค้าใส่ถุงโดย 1. ความจุรวม = L 2. มูลค่ารวมมากที่สุด

เลือกสินค้าที่ i มา 1 ชิ้น จะได้ว่า 1. P(i) = max P(i-wj) + Vj j:wj <= i 2. คำตอบคือ max P(i)

                 i: i <= L

A(i) = arg min P(i-wj) + Vj อัลกอริทึมนี้ จะรันอยู่ในเวลา O(kL) คำตอบนี้สำหรับปัญหาที่มี จำนวนสินค้าได้ไม่อั้น แต่สำหรับสินค้าที่มี จำนวนกัด เราจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ปัญหาลักษณะนี้เราเรียกว่า Knapsack problem