ผลต่างระหว่างรุ่นของ "418531 ภาคต้น 2552/โจทยปัญหาการค้นหาด้วยพละกำลังเยี่ยงควายถึก/เฉลยข้อ 2"
Cardcaptor (คุย | มีส่วนร่วม) (หน้าที่ถูกสร้างด้วย '* อินพุต ** ราคาของของแต่ละชิ้น <math>w_1, w_2, \ldots, w_n</math>') |
Cardcaptor (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
| แถว 1: | แถว 1: | ||
| + | == ปัญหา == | ||
* อินพุต | * อินพุต | ||
| − | ** | + | ** ราคาของอุปกรณ์แต่ละชิ้น <math>w_1, w_2, \ldots, w_n</math> |
| + | ** ค่า <math>p(i,j) \,</math> สำหรับ <math>1 \leq i \leq n</math> และ <math>1 \leq j \leq k</math> | ||
| + | * เอาต์พุต | ||
| + | ** ซับเซต <math>E \subseteq \{1, 2, \ldots, k\}</math> | ||
| + | * เงื่อนไข | ||
| + | *# สำหรับงาน <math>j \,</math> ทุกงานมีอุปกรณ์ <math>i \in E</math> ที่ทำให้ <math>p(i,j) = 1 \,</math> | ||
| + | *# ค่า <math>\sum_{i \in E} w_i</math> มีค่าต่ำที่สุดในซับเซต <math>E \,</math> ใดๆ ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อที่ 1 | ||
| + | |||
| + | == อัลกอริทึม == | ||
| + | เราสามารถมองวัตถุที่เราต้องการค้นหาเป็นซับเซตของเซตที่มีสมาชิก <math>n \,</math> ตัว ซึ่งเราสามารถแทนซับเซตนี้ได้ด้วยอะเรย์ <math>g[]</math> ขนาด n ช่อง โดยที่ <math>g[i] = 1 \,</math> ถ้า <math>i \in E \,</math> และ <math>g[i] = 2 \,</math> ถ้า <math>i \not\in E</math> | ||
| + | |||
| + | เราสามารถตรวจสอบว่าซับเซตที่กำหนดให้อันหนังสือเป็นซับเซตที่สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อที่ 1 ได้ด้วยฟังก์ชัน <code>check></code> ซึ่งจะคืนค่า <code>true</code> ถ้าซับเซตสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อ 1 และคิืนค่า <code>false</code> หากซับเซตไม่สอดคล้องกับเงื่อนไข | ||
| + | |||
| + | check(g,p,n) | ||
| + | { | ||
| + | for j = 1 to k do | ||
| + | { | ||
| + | found = false | ||
| + | for i = 1 to n do | ||
| + | { | ||
| + | if g[i] = 1 and p(i,j) = 1 then | ||
| + | found = true | ||
| + | } | ||
| + | if found = false then | ||
| + | return false | ||
| + | } | ||
| + | return true | ||
| + | } | ||
| + | |||
| + | เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฟังก์ชัน <code>check</code> มีเวลาการทำงานเท่ากับ <math>O(nk) \,</math> | ||
| + | |||
| + | เมื่อเราได้ซับเซตที่ตรงกับสมบัติข้อที่ 1 แล้ว เราจะต้องหาราคารวมของอุปกรณ์ทั้งหมดในเซต <math>E \,</math> ซึ่งสามารถทำได้อย่างง่ายดายในเวลา <math>O(n) \,</math> ด้วยฟังก์ชัน <code>total</code> ข้างล่างนี้ | ||
| + | |||
| + | total(g,w,n) | ||
| + | { | ||
| + | result = 0 | ||
| + | for i = 1 to n do | ||
| + | if g[i] = 1 then | ||
| + | result = result + w[i] | ||
| + | return result | ||
| + | } | ||
| + | |||
| + | จากนั้น เราจึงสามารถใช้ฟังก์ชันสองฟังก์ชันข้างบนมาประกอบเป็นอัลกอริทึมสำหรับแก้โจทย์ปัญหาข้อนี้ได้ โดยการหยิบซับเซตขึ้นมาดูทีละซับเซต สำหรับแต่ละซับเซต เราจะเช็คว่ามันสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อ 1 หรือไม่ ถ้าใช้ เราจะหาราคารวมของอุปกรณ์ในซับเซต แล้วนำไปเปรียบเทียบกับราคาที่ถูกที่สุดที่เราเคยเจอมา และถ้าราคาใหม่น้อยกว่า เราก็จะจำราคาใหม่เอาไว้พร้อมทั้งซับเซตที่ทำให้ได้ราคาไหมนั้นไว้ด้วย | ||
| + | |||
| + | ตัวแปร min_g[1..n] = อะเรย์ที่แทนซับเซตที่ให้ราคาอุปกรณ์รวมต่ำสุดเท่าที่เคยเจอมา | ||
| + | ตัวแปร min = ราคารวมต่ำสุดที่เคยเจอมา ตอนแรกเซ็ตให้มีค่าสูงๆ เช่น INFINITY | ||
| + | |||
| + | generate(k) | ||
| + | { | ||
| + | if k = 0 then | ||
| + | { | ||
| + | if check(g,p,n) then | ||
| + | { | ||
| + | value = total(g,w,n) | ||
| + | if value < min then | ||
| + | { | ||
| + | min_g = g | ||
| + | min = value | ||
| + | } | ||
| + | } | ||
| + | } | ||
| + | else | ||
| + | { | ||
| + | for g[k] = 1 to 2 do | ||
| + | generate(k-1) | ||
| + | } | ||
| + | } | ||
| + | |||
| + | เนื่องจากมีจำนวนซับเซตที่เป็นไปได้ทั้งหมด <math>2^n \,</math> ซับเซต และสำหรับแต่ละซับเซตเราใช้เวลาเช็คว่ามันตรงกับเงื่อนไข 1 หรือไม่ในเวลา <math>O(nk) \,</math> และใช้เวลาในการหาราคาอุปกรณ์รวมเท่ากับ <math>O(n) \,</math> ฉะนั้นเวลาการทำงานของอัลกอริทึมนี้มีค่าเท่ากับ <math>O(2^n(nk + n)) = O(nk2^n) \,</math> | ||
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:04, 28 สิงหาคม 2552
ปัญหา
- อินพุต
- ราคาของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
- ค่า สำหรับ และ
- เอาต์พุต
- ซับเซต
- เงื่อนไข
- สำหรับงาน ทุกงานมีอุปกรณ์ ที่ทำให้
- ค่า มีค่าต่ำที่สุดในซับเซต ใดๆ ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อที่ 1
อัลกอริทึม
เราสามารถมองวัตถุที่เราต้องการค้นหาเป็นซับเซตของเซตที่มีสมาชิก ตัว ซึ่งเราสามารถแทนซับเซตนี้ได้ด้วยอะเรย์ ขนาด n ช่อง โดยที่ ถ้า และ ถ้า
เราสามารถตรวจสอบว่าซับเซตที่กำหนดให้อันหนังสือเป็นซับเซตที่สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อที่ 1 ได้ด้วยฟังก์ชัน check> ซึ่งจะคืนค่า true ถ้าซับเซตสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อ 1 และคิืนค่า false หากซับเซตไม่สอดคล้องกับเงื่อนไข
check(g,p,n)
{
for j = 1 to k do
{
found = false
for i = 1 to n do
{
if g[i] = 1 and p(i,j) = 1 then
found = true
}
if found = false then
return false
}
return true
}
เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฟังก์ชัน check มีเวลาการทำงานเท่ากับ
เมื่อเราได้ซับเซตที่ตรงกับสมบัติข้อที่ 1 แล้ว เราจะต้องหาราคารวมของอุปกรณ์ทั้งหมดในเซต ซึ่งสามารถทำได้อย่างง่ายดายในเวลา ด้วยฟังก์ชัน total ข้างล่างนี้
total(g,w,n)
{
result = 0
for i = 1 to n do
if g[i] = 1 then
result = result + w[i]
return result
}
จากนั้น เราจึงสามารถใช้ฟังก์ชันสองฟังก์ชันข้างบนมาประกอบเป็นอัลกอริทึมสำหรับแก้โจทย์ปัญหาข้อนี้ได้ โดยการหยิบซับเซตขึ้นมาดูทีละซับเซต สำหรับแต่ละซับเซต เราจะเช็คว่ามันสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อ 1 หรือไม่ ถ้าใช้ เราจะหาราคารวมของอุปกรณ์ในซับเซต แล้วนำไปเปรียบเทียบกับราคาที่ถูกที่สุดที่เราเคยเจอมา และถ้าราคาใหม่น้อยกว่า เราก็จะจำราคาใหม่เอาไว้พร้อมทั้งซับเซตที่ทำให้ได้ราคาไหมนั้นไว้ด้วย
ตัวแปร min_g[1..n] = อะเรย์ที่แทนซับเซตที่ให้ราคาอุปกรณ์รวมต่ำสุดเท่าที่เคยเจอมา
ตัวแปร min = ราคารวมต่ำสุดที่เคยเจอมา ตอนแรกเซ็ตให้มีค่าสูงๆ เช่น INFINITY
generate(k)
{
if k = 0 then
{
if check(g,p,n) then
{
value = total(g,w,n)
if value < min then
{
min_g = g
min = value
}
}
}
else
{
for g[k] = 1 to 2 do
generate(k-1)
}
}
เนื่องจากมีจำนวนซับเซตที่เป็นไปได้ทั้งหมด ซับเซต และสำหรับแต่ละซับเซตเราใช้เวลาเช็คว่ามันตรงกับเงื่อนไข 1 หรือไม่ในเวลา และใช้เวลาในการหาราคาอุปกรณ์รวมเท่ากับ ฉะนั้นเวลาการทำงานของอัลกอริทึมนี้มีค่าเท่ากับ