ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การติดตั้ง Cafe grader/กรุ"
Jittat (คุย | มีส่วนร่วม) |
Jittat (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
แถว 63: | แถว 63: | ||
และป้อนรหัสผ่านที่ได้กำหนดไว้ในขั้นแรก | และป้อนรหัสผ่านที่ได้กำหนดไว้ในขั้นแรก | ||
− | สั่งให้สร้าง user ในตัวอย่างนี้จะใช้ชื่อว่า <tt>cafe</tt> อย่าลืมเปลี่ยน <tt>mypassword</tt> ด้านล่างให้เป็นรหัสผ่านที่ต้องการ | + | เมื่อเข้ามาใน mysql แล้ว สั่งให้สร้าง user ในตัวอย่างนี้จะใช้ชื่อว่า <tt>cafe</tt> อย่าลืมเปลี่ยน <tt>mypassword</tt> ด้านล่างให้เป็นรหัสผ่านที่ต้องการ |
create user 'cafe'@'localhost' identified by 'mypassword'; | create user 'cafe'@'localhost' identified by 'mypassword'; | ||
แถว 74: | แถว 74: | ||
grant all on grader.* to 'cafe'@'localhost'; | grant all on grader.* to 'cafe'@'localhost'; | ||
+ | |||
+ | เมื่อเรียบร้อยแล้วให้ออกจาก mysql โดยสั่ง <tt>quit</tt> | ||
=== Check out cafe grader และปรับแต่ง === | === Check out cafe grader และปรับแต่ง === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:48, 3 ตุลาคม 2552
ขั้นตอนการติดตั้งจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนเว็บ และส่วนตัวตรวจ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองส่วนยังมีการใช้ซอฟต์แวร์หลายอย่างร่วมกัน โดยจะเรียกรวม ๆ ว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่จำเป็น เราจะเน้นการติดตั้งบน Ubuntu/Debian เป็นหลัก
เอกสารนี้เขียนสำหรับการติดตั้งบน Rails 2.3.4 (ถ้ามีรุ่นใหม่กว่านี้จะทยอยปรับปรุงต่อไป)
ในการเขียนบางจุดอาจมีรายละเอียดมากไป สำหรับผู้เชี่ยวชาญสามารถอ่านข้ามไปได้
เนื้อหา
การติดตั้งซอฟต์แวร์ที่จำเป็น
เราจะติดตั้ง Ruby, Rails (เป็นเว็บเฟรมเวิร์คที่ใช้ในการพัฒนา cafe grader), และ Subversion ซึ่งเป็นระบบจัดการเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ (ใช้ในการโหลดระบบ cafe grader)
ติดตั้งระบบฐานข้อมูล MySQL, ระบบจัดการเวอร์ชัน Subversion
ติดตั้ง MySQL โดยสั่ง
sudo apt-get install mysql-server mysql-client
ระหว่างติดตั้ง ระบบจะถาม password ของ root ของ mysql server ให้เลือกและจดไว้ (จะต้องใช้ต่อไปในการสร้าง user ของระบบฐานข้อมูล)
เราจะใช้ subversion ในการโหลดรุ่นล่าสุดของ Cafe grader มาติดตั้ง ดังนั้นสั่งติดตั้ง subversion ดังนี้
sudo apt-get install subversion
ติดตั้ง Ruby, ระบบจัดการแพกเกจ Ruby Gem, และ Rails
Cafe grader พัฒนาด้วยภาษา Ruby ดังนั้นเราจะต้องติดตั้ง Ruby พร้อมทั้งระบบต่าง ๆ ก่อน
เริ่มติดตั้ง ruby และระบบจัดการ document rdoc โดยสั่ง
sudo apt-get install ruby rdoc
จากนั้นให้ติดตั้ง Ruby gems ซึ่งเป็นระบบจัดการไลบรารีและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ของ Ruby แม้ว่าใน Ubuntu จะสามารถเรียกติดตั้งได้ด้วย apt-get แต่มักพบว่าการติดตั้งด้วยวิธีนี้มักพบปัญหา ดังนั้นเราจะติดตั้งโดยตรง ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ดาวน์โหลด Ruby gems จาก RubyForge
- จากนั้นให้ขยายไฟล์ใส่ในไดเร็กทอรีชั่วคราว แล้วสั่ง
sudo ruby setup.rb
เราจะได้ ruby gem ที่เรียกให้ทำงานได้โดยคำสั่ง gem1.8 อย่างไรก็ตามเพื่อความสะดวก เราทำให้เรียกด้วยคำสั่ง gem ได้ด้วย โดยสั่ง
sudo ln -s /usr/bin/gem1.8 /usr/bin/gem
(ไม่ต้องทำในขั้นตอนนี้ก็ได้ แต่ในลำดับต่อไปให้เรียก gem1.8 แทน gem)
จากนั้นเราจะติดตั้ง Rails โดยสั่ง
sudo gem install rails --no-rdoc --no-ri
สุดท้าย เราจะต้องติดตั้งไลบรารีของ ruby ในการติดต่อกับ mysql โดยสั่ง
sudo apt-get install libmysql-ruby
การติดตั้งส่วนติดต่อทางเว็บ
เราจะเริ่มโดยการสร้าง user บน mysql และ database
สร้างฐานข้อมูลบน MySQL
เราจะสร้างผู้ใช้และฐานข้อมูลบน Mysql เข้าใช้ mysql โดยสั่ง
mysql -u root -p
และป้อนรหัสผ่านที่ได้กำหนดไว้ในขั้นแรก
เมื่อเข้ามาใน mysql แล้ว สั่งให้สร้าง user ในตัวอย่างนี้จะใช้ชื่อว่า cafe อย่าลืมเปลี่ยน mypassword ด้านล่างให้เป็นรหัสผ่านที่ต้องการ
create user 'cafe'@'localhost' identified by 'mypassword';
สร้างฐานข้อมูลชื่อ grader
create database grader;
ให้สิทธิผู้ใช้ cafe ในการทำทุกอย่างในฐานข้อมูล grader
grant all on grader.* to 'cafe'@'localhost';
เมื่อเรียบร้อยแล้วให้ออกจาก mysql โดยสั่ง quit