Python Programming/Lists
ลิิสต์ (list) เป็นข้อมูลซึ่งแทนลำดับของค่าต่างๆ เหมือน tuple แต่ว่าเราสามารถเปลี่ยนสมาชิกที่ตำแหน่งต่างๆ ของ list ได้ ซึ่งทำให้ลิสต์คล้ายอะเรย์ในภาษา C มากกว่า tuple เราสามารถสร้าง list ได้ด้วยการเขียนลำดับของสมาชิกใน list ภายในวงเล็บก้ามปู
>>> a = [True, "saber", 3.1415927, "archer", "lancer"] >>> a [True, 'saber', 3.1415926999999999, 'archer', 'lancer'] >>> b = ['berserker'] >>> b ['berserker'] >>> c = [] >>> c []
สังเกตว่าเราสามารถสร้าง list ที่มีสมาชิกตัวเดียว (b) และ list ว่าง (c) ได้โดยไม่ต้องอาศัยไวยากรณ์แบบพิเศษเช่นเดียวกับ tuple
เราสามารถเปลี่ยนสมาชิก ณ ตำแหน่งต่างของ list ได้
>>> a [False, 'saber', 3.1415926999999999, 'archer', 'lancer'] >>> a[2] = 22/7 >>> a [False, 'saber', 3, 'archer', 'lancer']
นอกจากนี้เราสามารถเช็คว่าค่าค่าหนึ่งอยู่ใน list, ทำ slicing, ใช้เครื่องหมายบวก, และคูณ list ด้วยจำนวนเต็มได้เหมือนกับ tuple
>>> "saber" in a True >>> 3.1415927 in a False >>> a[2:5] [3, 'archer', 'lancer'] >>> a[:-1] [False, 'saber', 3, 'archer'] >>> a + b [False, 'saber', 3, 'archer', 'lancer', 'berserker'] >>> b + a ['berserker', False, 'saber', 3, 'archer', 'lancer'] >>> 4*b ['berserker', 'berserker', 'berserker', 'berserker'] >>> 5*c []
การประมวลผล list
ไพทอนมีฟังก์ชันสำหรับทำการคำนวณเกี่ยวกับ list ที่สำคัญอยู่สามฟังก์ชัน ได้แก่ map, filter, และ reduce
ฟังก์ชัน map(f, sequence) เรียกฟังก์ชัน f(x) ที่เรากำหนดโดยมี parameter เป็นสมาชิกของ list sequence แล้วสร้าง list ใหม่ซึ่งมีสมาชิกเป็นผลลัพธ์ฟังก์้ชันนั้น
>>> def plusone(x): ... return x+1 ... >>> map(plusone, [1,2,3,4,5]) [2, 3, 4, 5, 6] >>> >>> def cube(x): ... return x**3 ... >>> map(cube, [-2,-1,0,1,2,100]) [-8, -1, 0, 1, 8, 1000000]
ฟังก์ชัน filter(function, sequence) เรียกฟังก์ชัน f(x) ซึ่งคืนค่าเป็นบูลีน โดยมี parameter เป็นสมาชิกของ list sequence แล้วสร้าง list ของสมาชิกทุกตัวที่ฟังก์ชันคืนค่าเป็น True
>>> def divisible_by_3(x): ... if x % 3 == 0: ... return True ... else: ... return False ... >>> filter(divisible_by_3, [1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12]) [3, 6, 9, 12] >>> >>> def is_prime(x): ... def check_divisible(x, y): ... if y < 2: ... return False ... else: ... if x % y == 0: ... return True ... else: ... return check_divisible(x, y-1) ... if x < 2: ... return False ... else: ... return not check_divisible(x, x-1) ... >>> filter(is_prime, [1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15,16,17,18,19,20]) [2, 3, 5, 7, 11, 13, 17, 19]
ฟังก์ชัน reduce(f, sequence) จะเอาสมาชิกสองตัวแรกของ list sequence ไปเป็น parameter ของฟังก์ชัน f หลังจากนั้นจะเอาผลลัพธ์ที่ได้กับสมาชิกตัวที่สามไปใส่ฟังก์ชัน f อีกครั้ง แล้วเอาผลลัพธ์ที่ได้กับสมาชิกตัวที่สี่ไปใส่ฟังก์ชัน f อีกครั้ง ไปเรื่อยๆ จนหมด list เสร็จแล้วฟังก์ชัน reduce จะคืนค่าที่เป็นผลลัพธ์ของฟังก์ชัน f ครั้งสุดท้ายออกมา
>>> def add(x,y): ... return x+y ... >>> reduce(add, [1,5,9,10]) 25 >>> >>> reduce(max, [6,0,-5,9]) 9
ฟังก์ชัน range
ฟังก์ชัน range(a,b,x) เป็นฟังก์ขันที่ใช้สร้าง list ที่เก็บตัวเลขที่เรียงกันเป็นลำดับเลขคณิต โดยมันจะสร้าง list ที่มีค่า a, a+x, a+2x, a+3x, ..., a+kx โดยที่ a+kx < b ถ้า x เป็นบวก หรือ a+kx > b ถ้า x เป็นลบ
>>> range(1,11,3) [1, 4, 7, 10] >>> range(11, 1, -3) [11, 8, 5, 2] >>> range(0, 100, 10) [0, 10, 20, 30, 40, 50, 60, 70, 80, 90]
ถ้าเราละเละ x ฟังก์ชัน range จะให้ x มีค่าเป็น 1 โดยอัตโนมัติ
>>> range(17, 21) [17, 18, 19, 20] >>> range(0, 10) [0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9]
ถ้าเราเรียกฟังก์ชัน range โดยมี parameter เพียงแค่ตัวเดียว เราจะได้ list ของจำนวนเต็มที่ไม่เป็นลบทั้งหมดที่น้อยกว่าค่านั้น เรียงจากน้อยไปมาก
>>> range(20) [0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19] >>> range(5) [0, 1, 2, 3, 4]
หน้าก่อน: Tuples | สารบัญ | หน้าต่อไป: Loops |