418531 ภาคต้น 2552/โจทยปัญหาการค้นหาด้วยพละกำลังเยี่ยงควายถึก/เฉลยข้อ 2
ปัญหา
- อินพุต
- ราคาของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
- ค่า สำหรับ และ
- เอาต์พุต
- ซับเซต
- เงื่อนไข
- สำหรับงาน ทุกงานมีอุปกรณ์ ที่ทำให้
- ค่า มีค่าต่ำที่สุดในซับเซต ใดๆ ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อที่ 1
อัลกอริทึม
เราสามารถมองวัตถุที่เราต้องการค้นหาเป็นซับเซตของเซตที่มีสมาชิก ตัว ซึ่งเราสามารถแทนซับเซตนี้ได้ด้วยอะเรย์ ขนาด n ช่อง โดยที่ ถ้า และ ถ้า
เราสามารถตรวจสอบว่าซับเซตที่กำหนดให้อันหนังสือเป็นซับเซตที่สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อที่ 1 ได้ด้วยฟังก์ชัน check> ซึ่งจะคืนค่า true ถ้าซับเซตสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อ 1 และคิืนค่า false หากซับเซตไม่สอดคล้องกับเงื่อนไข
check(g,p,n)
{
for j = 1 to k do
{
found = false
for i = 1 to n do
{
if g[i] = 1 and p(i,j) = 1 then
found = true
}
if found = false then
return false
}
return true
}
เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฟังก์ชัน check มีเวลาการทำงานเท่ากับ
เมื่อเราได้ซับเซตที่ตรงกับสมบัติข้อที่ 1 แล้ว เราจะต้องหาราคารวมของอุปกรณ์ทั้งหมดในเซต ซึ่งสามารถทำได้อย่างง่ายดายในเวลา ด้วยฟังก์ชัน total ข้างล่างนี้
total(g,w,n)
{
result = 0
for i = 1 to n do
if g[i] = 1 then
result = result + w[i]
return result
}
จากนั้น เราจึงสามารถใช้ฟังก์ชันสองฟังก์ชันข้างบนมาประกอบเป็นอัลกอริทึมสำหรับแก้โจทย์ปัญหาข้อนี้ได้ โดยการหยิบซับเซตขึ้นมาดูทีละซับเซต สำหรับแต่ละซับเซต เราจะเช็คว่ามันสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อ 1 หรือไม่ ถ้าใช้ เราจะหาราคารวมของอุปกรณ์ในซับเซต แล้วนำไปเปรียบเทียบกับราคาที่ถูกที่สุดที่เราเคยเจอมา และถ้าราคาใหม่น้อยกว่า เราก็จะจำราคาใหม่เอาไว้พร้อมทั้งซับเซตที่ทำให้ได้ราคาไหมนั้นไว้ด้วย
ตัวแปร min_g[1..n] = อะเรย์ที่แทนซับเซตที่ให้ราคาอุปกรณ์รวมต่ำสุดเท่าที่เคยเจอมา
ตัวแปร min = ราคารวมต่ำสุดที่เคยเจอมา ตอนแรกเซ็ตให้มีค่าสูงๆ เช่น INFINITY
generate(k)
{
if k = 0 then
{
if check(g,p,n) then
{
value = total(g,w,n)
if value < min then
{
min_g = g
min = value
}
}
}
else
{
for g[k] = 1 to 2 do
generate(k-1)
}
}
เนื่องจากมีจำนวนซับเซตที่เป็นไปได้ทั้งหมด ซับเซต และสำหรับแต่ละซับเซตเราใช้เวลาเช็คว่ามันตรงกับเงื่อนไข 1 หรือไม่ในเวลา และใช้เวลาในการหาราคาอุปกรณ์รวมเท่ากับ ฉะนั้นเวลาการทำงานของอัลกอริทึมนี้มีค่าเท่ากับ