ข้อย่อย 1
สูตรคือ
base case: ให้
เป็นจริง
inductive step: inductive hypothesis คือสมมติให้ p(n) คือ
เป็นจริง ต้องการพิสูจน์ว่า p(n+1) คือ
เป็นจริงด้วย
- จากที่สมมติไว้คือ

- บวกทั้งสองข้างของสมการด้วย

- จะได้




- ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า

ข้อย่อย 2
สูตรคือ
base case: ให้
เป็นจริง
inductive step: inductive hypothesis คือสมมติให้ p(n)คือ
เป็นจริง ต้องการพิสูจน์ว่า
เป็นจริงด้วย
- จากที่สมมติไว้คือ

- บวก
ทั้งสองข้างของสมการ
- จะได้




- ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า
เป็นจริง
ข้อย่อย 3
(Base Case) เนื่องจาก
เราได้ว่า
(Induction Case) สมมติให้ n เป็นจำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0 และสมมติให้สมการในโจทย์เป็นจริง เราได้ว่า
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
![{\displaystyle (2n+3){\bigg [}{\frac {(n+1)(2n+1)}{3}}+(2n+3){\bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/823179a45dc56c60a78b115ff212f68d50ecc8eb) |
|
 |
![{\displaystyle (2n+3){\bigg [}{\frac {2n^{2}+3n+1+3(2n+3)}{3}}{\bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/b02fe2c19e7d939b79f7aa12c7dbc634fe602e33) |
|
 |
![{\displaystyle (2n+3){\bigg [}{\frac {2n^{2}+9n+10}{3}}{\bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/46a5fa2efe157c41f8779c0954792024f9a3f98f) |
|
 |
 |
|
 |
 |
ฉะนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่าสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็ม n ที่ไม่เป็นลบทุกจำนวน
ข้อย่อย 4
base case: คือ n=5 แทนค่าจะได้
เป็นจริง
inductive step: inductive hypothesis คือ สมมติให้ p(n) คือ
เป็นจริง ต้องการแสดงว่า
เป็นจริงด้วย
- จากที่สมมติ

- คูณ 2 ทั้งสองข้างของสมการจะได้


เนื่องจาก n>4


- ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า
เป็นจริง เมื่อ n เป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่ามากกว่า 4
ข้อย่อย 5
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 2 และเราได้ว่า
(Induction Case) สมมติให้ n เป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่ามากกว่า 2 และให้สมการในโจทย์เป็นจริง เราได้ว่า
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
![{\displaystyle 2-{\frac {1}{n}}{\Bigg [}1-{\frac {1}{n+1}}{\Bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/c465e8236c06157803be1e442f2c64db25a29950) |
|
 |
 |
|
 |
 |
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนจริง
ทุกจำนวน
ข้อย่อย 6
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 0 และเราได้ว่า
ซึ่งหารด้วย 6 ได้ลงตัว
(Induction Case) สมมติว่า n เป็นจำนวนเต็มที่ไม่เป็นลบ และสมมติให้
หารด้วย 6 ลงตัว
พิจารณาค่า
เราได้ว่า 6 หาร
ลงตัวเนื่องจาก 3 หาร
ลงตัว นอกจากนี้ 2 ยังหาร
ลงตัวเนื่องจากในค่า
และ
ลงตัว จะต้องมีสักตัวที่เป็นจำนวนคู่
เนื่องจาก 6 หารทั้ง
และ
ลงตัว เราจึงได้ว่า 6 หาร
ลงตัวด้วย
ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า 6 หาร
ลงตัวสำหรับจำนวนเต็ม n ที่ไม่เป็นลบทุกจำนวน
ข้อย่อย 7
ก่อนเราจะทำการพิสูจน์ข้อความในโจทย์ เราจะทำการพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้
lemma: ให้
,
,
และ
เป็นเซตใดๆ ที่
และ
แล้ว
พิสูจน์ (lemma): ให้ x เป็นค่าใดๆ สมมติให้
เราได้ว่า
และ
เนื่องจาก
และ
เราได้ว่า
และ
ด้วย ดังนั้น
เนื่องจาก x เป็นค่าใดๆ เราจึงสามารถสรุปได้ว่า
ฉะนั้น
พิสูจน์ (โจทย์)
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 ในกรณีนี้เราได้ว่า
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้ข้อความที่โจทย์ต้องการพิสูจน์เป็นจริง
เราได้ว่า
และ
โจทย์กำหนดว่า
และจาำกสมมติฐานเราได้ว่า
ฉะนั้นด้วย lemma เราได้ว่า
ฉะนั้นเราจึงสรุปได้ว่าข้อความในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกค่า
ข้อย่อย 8
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 และเราจะได้ว่า
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่า 0 และสมมติให้สมการในโจทย์เป็นจริง ได้ว่า
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
 |
ดังนั้นเราสรุปได้ว่าสมการเป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกจำนวน
ข้อ 9
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 และเราได้ว่า
ซึ่งหารด้วย 21 ลงตัว
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้
หารด้วย 21 ลงตัว
เราได้ว่า
จากสมมติฐาน เราได้ว่า 21 หาร
ลงตัว ดังนั้นมันจึงหาร
ลงตัว และเนื่องจาก 21 หาร
ลงตัว เราจึงได้ว่า 21 หาร
ฉะนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่า 21 หาร
ลงตัวสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกจำนวน
ข้อ 10
lemma: สำหรับจำนวนเต็มบวก n ใดๆ
พิสูจน์ (lemma): เราได้ว่า
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
พิสูจน์ (โจทย์)
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 เราได้ว่า
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้อสมการในโจทย์เป็นจริง เราได้ว่า
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าอสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกตัว