|
|
(ไม่แสดง 7 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) |
แถว 135: |
แถว 135: |
| | | |
| ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนจริง <math>n > 1</math> ทุกจำนวน | | ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนจริง <math>n > 1</math> ทุกจำนวน |
| + | |
| + | == ข้อย่อย 6 == |
| + | (Base Case) n มีค่าเท่ากับ 0 และเราได้ว่า <math>0^3 - 0 = 0</math> ซึ่งหารด้วย 6 ได้ลงตัว |
| + | |
| + | (Induction Case) สมมติว่า n เป็นจำนวนเต็มที่ไม่เป็นลบ และสมมติให้ <math>n^3 - n</math> หารด้วย 6 ลงตัว |
| + | |
| + | พิจารณาค่า <math>(n+1)^3 - (n+1) = n^3 + 3n^2 + 3n + 1 - n - 1 = (n^3 - n) + 3n^2 + 3n = (n^3 -n) + 3n(n+1)</math> |
| + | |
| + | เราได้ว่า 6 หาร <math>3n(n+1)</math> ลงตัวเนื่องจาก 3 หาร <math>3n(n+1)</math> ลงตัว นอกจากนี้ 2 ยังหาร <math>3n(n+1)</math> ลงตัวเนื่องจากในค่า <math>n</math> และ <math>n+1</math> ลงตัว จะต้องมีสักตัวที่เป็นจำนวนคู่ |
| + | |
| + | เนื่องจาก 6 หารทั้ง <math>n^3 - n</math> และ <math>3n(n+1)</math> ลงตัว เราจึงได้ว่า 6 หาร <math>(n^3 - n) + 3n(n+1) = (n+1)^3 - (n+1)</math> ลงตัวด้วย |
| + | |
| + | ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า 6 หาร <math>n^3 - n</math> ลงตัวสำหรับจำนวนเต็ม n ที่ไม่เป็นลบทุกจำนวน |
| + | |
| + | == ข้อย่อย 7 == |
| + | ก่อนเราจะทำการพิสูจน์ข้อความในโจทย์ เราจะทำการพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้ |
| + | |
| + | '''lemma:''' ให้ <math>A \,</math>, <math>B \,</math>, <math>C \,</math> และ <math>D \,</math> เป็นเซตใดๆ ที่ <math>A \subseteq C \,</math> และ <math>B \subseteq D \,</math> แล้ว <math>A \cap B \subseteq C \cap D</math> |
| + | |
| + | ''พิสูจน์ (lemma):'' ให้ x เป็นค่าใดๆ สมมติให้ <math>x \in A \cap B</math> เราได้ว่า <math>x \in A</math> และ <math>x \in B</math> |
| + | |
| + | เนื่องจาก <math>A \subseteq C</math> และ <math>B \subseteq D</math> เราได้ว่า <math>x \in C</math> และ <math>x \in D</math> ด้วย ดังนั้น <math>x \in C \cap D</math> |
| + | |
| + | เนื่องจาก x เป็นค่าใดๆ เราจึงสามารถสรุปได้ว่า <math>\forall x, [ x \in A \cap B \rightarrow x \in C \cap D ] </math> ฉะนั้น <math>A \cap B \subseteq C \cap D</math> |
| + | |
| + | === พิสูจน์ (โจทย์) === |
| + | (Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 ในกรณีนี้เราได้ว่า <math>\bigcap_{i=1}^1 A_i = A \subseteq B = \bigcap_{i=1}^1 B_i \,</math> |
| + | |
| + | (Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้ข้อความที่โจทย์ต้องการพิสูจน์เป็นจริง |
| + | |
| + | เราได้ว่า <math>\bigcap_{i=1}^{n+1} A_i = A_{n+1} \cap \bigcap_{i=1}^n A_i</math> และ <math>\bigcap_{i=1}^{n+1} Bฺ_i = B_{n+1} \cap \bigcap_{i=1}^n B_i</math> |
| + | |
| + | โจทย์กำหนดว่า <math>A_{n+1} \subseteq B_{n+1}</math> และจาำกสมมติฐานเราได้ว่า <math>\bigcap_{i=1}^n A_i = A \bigcap_{i=1}^n B_i \,</math> ฉะนั้นด้วย lemma เราได้ว่า |
| + | <math>\bigcap_{i=1}^{n+1} A_i = A_{n+1} \cap \bigcap_{i=1}^n A_i \subseteq B_{n+1} \cap \bigcap_{i=1}^n B_i = \bigcap_{i=1}^{n+1} Bฺ_i</math> |
| + | |
| + | ฉะนั้นเราจึงสรุปได้ว่าข้อความในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกค่า |
| + | |
| + | == ข้อย่อย 8 == |
| + | (Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 และเราจะได้ว่า <math>1 \cdot 2^{1-1} = 1 = (1-1)2^1 + 1</math> |
| + | |
| + | (Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่า 0 และสมมติให้สมการในโจทย์เป็นจริง ได้ว่า |
| + | |
| + | <table> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"><math>1 \cdot 2^0 + 2 \cdot 2^1 + \dotsb + (n+1) \cdot 2^n \,</math></td> |
| + | <td align="center"><math>= \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>(1 \cdot 2^0 + 2 \cdot 2^1 + \dotsb + n \cdot 2^{n-1}) + (n+1) \cdot 2^n \,</math></td> |
| + | </tr> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"></td> |
| + | <td align="center"><math>= \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>(n-1)2^n + 1 + (n+1) \cdot 2^n \,</math></td> |
| + | </tr> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"></td> |
| + | <td align="center"><math>= \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>(2n) \cdot 2^n + 1 \,</math></td> |
| + | </tr> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"></td> |
| + | <td align="center"><math>= \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>n \cdot 2^{n+1} + 1 \,</math></td> |
| + | </tr> |
| + | </table> |
| + | |
| + | ดังนั้นเราสรุปได้ว่าสมการเป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกจำนวน |
| + | |
| + | == ข้อ 9 == |
| + | (Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 และเราได้ว่า <math>4^{1+1} + 5^{2\cdot 1 - 1} = 16 + 5 = 21</math> ซึ่งหารด้วย 21 ลงตัว |
| + | |
| + | (Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้ <math>4^{n+1} + 5^{2n-1}</math> หารด้วย 21 ลงตัว |
| + | |
| + | เราได้ว่า <math>4^{n+2} + 5^{2n+1} = 4 \cdot 4^{n+1} + 25 \cdot 5^{2n-1} = (25 - 21) 4^{n+1} + 25 \cdot 5^{2n-1} = 25 (4^{n+1} + 5^{2n-1}) + 21 \cdot 4^{n+1}</math> |
| + | |
| + | จากสมมติฐาน เราได้ว่า 21 หาร <math>4^{n+1} + 5^{2n-1}</math> ลงตัว ดังนั้นมันจึงหาร <math>25(4^{n+1} + 5^{2n-1})</math> ลงตัว และเนื่องจาก 21 หาร <math>21 \cdot 4^{n+1}</math> ลงตัว เราจึงได้ว่า 21 หาร <math>25 (4^{n+1} + 5^{2n-1}) + 21 \cdot 4^{n+1} = 4^{n+2} + 5^{2n+1}</math> |
| + | |
| + | ฉะนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่า 21 หาร <math>4^{n+1} + 5^{2n-1}</math> ลงตัวสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกจำนวน |
| + | |
| + | == ข้อ 10 == |
| + | '''lemma:''' สำหรับจำนวนเต็มบวก n ใดๆ <math>2\sqrt{n+1} + \frac{1}{\sqrt{n+1}} > 2\sqrt{n+2}</math> |
| + | |
| + | ''พิสูจน์ (lemma):'' เราได้ว่า |
| + | |
| + | <table cellpadding="5"> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"><math>\sqrt{n+2} + \sqrt{n+1}</math></td> |
| + | <td align="center"><math> > \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>2\sqrt{n+1}</math></td> |
| + | </tr> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"><math>(\sqrt{n+2} + \sqrt{n+1}) \frac{\sqrt{n+2} - \sqrt{n+1}}{\sqrt{n+2} - \sqrt{n+1}}</math></td> |
| + | <td align="center"><math> > \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>2\sqrt{n+1}</math></td> |
| + | </tr> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"><math>\frac{1}{\sqrt{n+2} - \sqrt{n+1}}</math></td> |
| + | <td align="center"><math> > \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>2\sqrt{n+1}</math></td> |
| + | </tr> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"><math>\frac{1}{\sqrt{n+1}}</math></td> |
| + | <td align="center"><math> > \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>2\sqrt{n+2} - 2\sqrt{n+1}</math></td> |
| + | </tr> |
| + | <tr> |
| + | <td align="right"><math>2\sqrt{n+1} + \frac{1}{\sqrt{n+1}}</math></td> |
| + | <td align="center"><math> > \,</math></td> |
| + | <td align="left"><math>2\sqrt{n+2}</math></td> |
| + | </tr> |
| + | </table> |
| + | |
| + | |
| + | === พิสูจน์ (โจทย์) === |
| + | (Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 เราได้ว่า <math>1 > 0.82842712474619029\dotsb = 2(\sqrt{1+1} - 1)\,</math> |
| + | |
| + | (Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้อสมการในโจทย์เป็นจริง เราได้ว่า |
| + | |
| + | <math>1 + \frac{1}{\sqrt{2}} + \dotsb + \frac{1}{\sqrt{n+1}} > 2(\sqrt{n+1} - 1) + \frac{1}{\sqrt{n+1}} = 2\sqrt{n+1} + \frac{1}{\sqrt{n+1}} - 2 > 2\sqrt{n+2} - 2 = 2(\sqrt{n+2} - 1)</math> |
| + | |
| + | ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าอสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกตัว |
ข้อย่อย 1
สูตรคือ
base case: ให้
เป็นจริง
inductive step: inductive hypothesis คือสมมติให้ p(n) คือ
เป็นจริง ต้องการพิสูจน์ว่า p(n+1) คือ
เป็นจริงด้วย
- จากที่สมมติไว้คือ

- บวกทั้งสองข้างของสมการด้วย

- จะได้




- ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า

ข้อย่อย 2
สูตรคือ
base case: ให้
เป็นจริง
inductive step: inductive hypothesis คือสมมติให้ p(n)คือ
เป็นจริง ต้องการพิสูจน์ว่า
เป็นจริงด้วย
- จากที่สมมติไว้คือ

- บวก
ทั้งสองข้างของสมการ
- จะได้




- ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า
เป็นจริง
ข้อย่อย 3
(Base Case) เนื่องจาก
เราได้ว่า
(Induction Case) สมมติให้ n เป็นจำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0 และสมมติให้สมการในโจทย์เป็นจริง เราได้ว่า
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
![{\displaystyle (2n+3){\bigg [}{\frac {(n+1)(2n+1)}{3}}+(2n+3){\bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/823179a45dc56c60a78b115ff212f68d50ecc8eb) |
|
 |
![{\displaystyle (2n+3){\bigg [}{\frac {2n^{2}+3n+1+3(2n+3)}{3}}{\bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/b02fe2c19e7d939b79f7aa12c7dbc634fe602e33) |
|
 |
![{\displaystyle (2n+3){\bigg [}{\frac {2n^{2}+9n+10}{3}}{\bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/46a5fa2efe157c41f8779c0954792024f9a3f98f) |
|
 |
 |
|
 |
 |
ฉะนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่าสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็ม n ที่ไม่เป็นลบทุกจำนวน
ข้อย่อย 4
base case: คือ n=5 แทนค่าจะได้
เป็นจริง
inductive step: inductive hypothesis คือ สมมติให้ p(n) คือ
เป็นจริง ต้องการแสดงว่า
เป็นจริงด้วย
- จากที่สมมติ

- คูณ 2 ทั้งสองข้างของสมการจะได้


เนื่องจาก n>4


- ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า
เป็นจริง เมื่อ n เป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่ามากกว่า 4
ข้อย่อย 5
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 2 และเราได้ว่า
(Induction Case) สมมติให้ n เป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่ามากกว่า 2 และให้สมการในโจทย์เป็นจริง เราได้ว่า
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
![{\displaystyle 2-{\frac {1}{n}}{\Bigg [}1-{\frac {1}{n+1}}{\Bigg ]}\,}](https://wikimedia.org/api/rest_v1/media/math/render/svg/c465e8236c06157803be1e442f2c64db25a29950) |
|
 |
 |
|
 |
 |
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนจริง
ทุกจำนวน
ข้อย่อย 6
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 0 และเราได้ว่า
ซึ่งหารด้วย 6 ได้ลงตัว
(Induction Case) สมมติว่า n เป็นจำนวนเต็มที่ไม่เป็นลบ และสมมติให้
หารด้วย 6 ลงตัว
พิจารณาค่า
เราได้ว่า 6 หาร
ลงตัวเนื่องจาก 3 หาร
ลงตัว นอกจากนี้ 2 ยังหาร
ลงตัวเนื่องจากในค่า
และ
ลงตัว จะต้องมีสักตัวที่เป็นจำนวนคู่
เนื่องจาก 6 หารทั้ง
และ
ลงตัว เราจึงได้ว่า 6 หาร
ลงตัวด้วย
ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า 6 หาร
ลงตัวสำหรับจำนวนเต็ม n ที่ไม่เป็นลบทุกจำนวน
ข้อย่อย 7
ก่อนเราจะทำการพิสูจน์ข้อความในโจทย์ เราจะทำการพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้
lemma: ให้
,
,
และ
เป็นเซตใดๆ ที่
และ
แล้ว
พิสูจน์ (lemma): ให้ x เป็นค่าใดๆ สมมติให้
เราได้ว่า
และ
เนื่องจาก
และ
เราได้ว่า
และ
ด้วย ดังนั้น
เนื่องจาก x เป็นค่าใดๆ เราจึงสามารถสรุปได้ว่า
ฉะนั้น
พิสูจน์ (โจทย์)
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 ในกรณีนี้เราได้ว่า
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้ข้อความที่โจทย์ต้องการพิสูจน์เป็นจริง
เราได้ว่า
และ
โจทย์กำหนดว่า
และจาำกสมมติฐานเราได้ว่า
ฉะนั้นด้วย lemma เราได้ว่า
ฉะนั้นเราจึงสรุปได้ว่าข้อความในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกค่า
ข้อย่อย 8
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 และเราจะได้ว่า
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่า 0 และสมมติให้สมการในโจทย์เป็นจริง ได้ว่า
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
 |
|
 |
 |
ดังนั้นเราสรุปได้ว่าสมการเป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกจำนวน
ข้อ 9
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 และเราได้ว่า
ซึ่งหารด้วย 21 ลงตัว
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้
หารด้วย 21 ลงตัว
เราได้ว่า
จากสมมติฐาน เราได้ว่า 21 หาร
ลงตัว ดังนั้นมันจึงหาร
ลงตัว และเนื่องจาก 21 หาร
ลงตัว เราจึงได้ว่า 21 หาร
ฉะนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่า 21 หาร
ลงตัวสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกจำนวน
ข้อ 10
lemma: สำหรับจำนวนเต็มบวก n ใดๆ
พิสูจน์ (lemma): เราได้ว่า
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
พิสูจน์ (โจทย์)
(Base Case) n มีค่าเท่ากับ 1 เราได้ว่า
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวก และสมมติให้อสมการในโจทย์เป็นจริง เราได้ว่า
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าอสมการในโจทย์เป็นจริงสำหรับจำนวนเต็มบวก n ทุกตัว